แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
นายประกันตัวจำเลยซึ่งส่งตัวจำเลยมาฟังคำพิพากษาตามนัด
จำเลยมาฟังคำพิพากษาจบ และเซ็นนามในหน้าสำนวนแล้วหลบหนีไปในระหว่างที่ผู้พิพากษายังอยู่บนบัลลังก์ ดังนี้ถือว่าสัญญาประกันเดิมสิ้นสุดนายประกันพ้นความรับผิด
ย่อยาว
ความว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 1 ปี ด. นายประกันส่งตัวจำเลยมาฟังคำพิพากษาเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2492 เมื่อผู้พิพากษาอ่านคำพิพากษาให้จำเลยฟังจบ และจำเลยเซ็นทราบหน้าสำนวนแล้ว ยังไม่ทันมอบตัวจำเลยแก่เจ้าพนักงานตำรวจ และผู้พิพากษายังอยู่บนบัลลังก์ แต่พนักงานศาลมัวหยิบสำนวนเรื่องอื่นอยู่ จำเลยจึงได้หลบหนีไป ศาลชั้นต้นเร่งให้นายประกันส่งตัวจำเลย นายประกันแถลงว่า หาตัวไม่พบ และว่าหมดความรับผิดชอบเพราะได้มอบตัวจำเลยแก่ศาลแล้ว
ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องตามศาลชั้นต้นที่สั่งปรับนายประกัน 3,000 บาท โดยถือว่ายังไม่ได้สั่งถอนประกัน
นางแดงนายประกันฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ผู้ประกันนำตัวจำเลยมาศาลตามวันนัดให้มาฟังคำพิพากษาและการที่ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยนั้น ย่อมถือเสมือนว่า ศาลได้สั่งถอนประกันโดยปริยาย และตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 วรรค 2 เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย ก็ย่อมต้องเอาตัวจำเลยเข้าคุมขังสัญญาประกันเดิมสิ้นสุดลง ส่วนจะจัดการคุมขังอย่างไรเป็นหน้าที่ของศาล หาได้เกี่ยวข้องกับผู้ประกันไม่ เพราะผู้ประกันหมดหน้าที่ตามสัญญาประกันแล้ว ผู้ประกันย่อมพ้นความรับผิด
พิพากษา ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์