คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2489

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขออาศัยในห้องที่โจทก์เช่ามาและเสียค่าเช่าให้แก่เจ้าของแล้วไม่ยอมคืน และแถลงว่าจำเลยเสียค่าเช่าที่โจทก์ค้างด้วย ฝ่ายจำเลยต่อสูว่าโจทก์โอนให้ ดังนี้ยังไม่พอถือว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้องและกรณีเช่นนี้ยังไม่พอถือว่าอยู่ในความควบคุมตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เช่าตึกพระคลังข้างที่ เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๗ โจทก์อพยพหลบภัย จำเลยมาขออาศัยและยอมเสียค่าเช่าให้พระคลังข้างที่ บัดนี้โจทก์กลับมาจำเลยไม่ยอมออก จึงขอให้ขับไล่
จำเลยให้การว่า โจทก์สละสิทธิอาศัยครอบครองห้องรายนี้แล้ว โดยโอนให้จำเลย
ชั้นพิจารณาโจทก์แถลงว่า ได้ให้จำเลยอาศัย และจำเลยได้ชำระค่าเช่าที่โจทก์ค้างชำระ ๓ เดือนให้พระคลังข้างที่ กับค่าไฟฟ้าที่ค้าง ๓ เดือน
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพะยานแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยเข้าอยู่โดยเสียค่าเช่าให้แก่พระคลังข้างที่และเสียค่าเช่าที่โจทก์ค้างชำระไม่ใช่อยู่เปล่าอันจะเป็นการอาศัยดังฟ้องของโจทก์ จึงไม่ตรงตามข้ออ้างซึ่งเป็นสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ และห้องนี้มีค่าเช่า ๑๓ บาท และจำเลยก็ต่อสู้ว่าได้เข้าอยู่โดยอาศัย ย่อมได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างให้พิจารณาต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยขออาศัย โดยบรรยายว่า จำเลยเข้าอยู่โดยอาการอย่างใดและโจทก์แถลงว่าจำเลยเสียค่าเช่าซึ่งโจทก์ติดค้างให้พระคลังข้างที่ ได้ความดังนี้ไม่ควรถือว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share