แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายสมคบกับสามีไปฉุดภรรยาซึ่งเป็นบุตรสาวจำเลยดังนี้ การที่สามีมีอำนาจที่จะฉุดภรรยาไปจากบิดานั้น หาทำให้ผู้ตายมีอำนาจฉุดด้วยไม่ ในกรณีเช่นนี้ บิดาของหญิงนั้น ย่อมมีสิทธิทำการป้องกันได้
ในกรณีที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้น เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยไม่มีความผิด ก็พิพากษายกฟ้องได้
ย่อยาว
คดีได้ความว่า นายเทือง และนายทิมสามีนางบุญมาบุตรสาวจำเลยซึ่งหย่าขาดจากกันแล้ว แต่ยังมิได้จดทะเบียนการหย่า ได้สมคบกันฉุดคร่านางบุญมาไป ทั้งนี้โดยนายเทืองและนายทิมมีอาวุธ ฉุดแขนนางบุญมาคนละข้าง จำเลยตามทัน จึงใช้อาวุธปืนยิงถูกนายเทืองถึงแก่ความตาย อัยการและนางริ้วมารดาผู้ตาย ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า สำหรับตัวนายทิมอาจมีข้อแก้ตัวทางอาญาในการฉุดคร่านางบุญมา เพราะนางบุญมาเป็นภรรยาของตนแต่นายเทืองผู้ตายจะอาศัยข้อแก้ตัวของนายทิมมาอ้างหาได้ไม่การกระทำของจำเลยต่อนายเทืองจึงเป็นการป้องกันเกียรติยศชื่อเสียงแต่เป็นการเกินสมควรแก่เหตุ พิพากษาแก้ให้ลดโทษเหลือจำคุก 5 ปี
อัยการและนางริ้วโจทก์ฎีกา ศาลฎีกาคงฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติดังกล่าวแล้ว ปัญหามีว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตามกฎหมายสถานใดเพียงไรหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า นายเทืองผู้ตายบังอาจฉุดคร่าลูกสาวของจำเลยแม้จะมีนายทิมสามีนางบุญมาเข้าฉุดด้วยซึ่งหากว่า นายทิมจะไม่มีความผิดก็เป็นเรื่องเฉพาะตัว ไม่ใช่สามีมีอำนาจทำแก่ภรรยาของตนได้ คนอื่นจะมีอำนาจทำแก่ภรรยาเขาได้ด้วยหาได้ไม่ โดยเหตุนี้จำเลยจึงมีสิทธิที่จะป้องกันเกียรติยศชื่อเสียงของตนซึ่งสำหรับคดีนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุแม้จำเลยมิได้ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็ย่อมมีอำนาจปล่อยตัวได้พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์