แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ร้องอ้างว่ามีสิทธิในทรัพย์ร่วมกับจำเลย ประเด็นสำคัญของคดีจึงอยู่ที่ว่าผู้ร้องมีส่วนเป็นเจ้าของร่วมอยู่กับจำเลยหรือไม่ การที่ผู้ร้องจะได้ทรัพย์นั้นร่วมกับจำเลยมาโดยสถานไรหาใช่ข้อสำคัญไม่
ผู้ร้องไม่ใช่ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลย บิดาจำเลยยกที่ดินให้ระหว่างผู้ร้องกับจำเลยอยู่กินเป็นสามีภริยากัน เมื่อได้มาแล้วจำเลยกับผู้ร้องได้ร่วมกันครอบครองทำมาหากินบนที่ดินดังกล่าวตลอดมาเป็นเวลาถึง 20 ปี โดยปกติสุข เป็นการแสดงเจตนาให้ถือได้ว่าจำเลยกับผู้ร้องเป็นเจ้าของร่วมกัน ผู้ร้องย่อมมีสิทธิในที่ดินนั้นคนละกึ่งกับจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยฐานที่จำเลยทำละเมิดฆ่าภริยาโจทก์ถึงแก่ความตาย จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียวแล้ว พิพากษาให้จำเลยใช้เงินพร้อมทั้งดอกเบี้ย จำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำบังคับ ศาลออกหมายบังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดที่ดินของจำเลยไว้ ๖ แปลง
ผู้ร้องร้องว่าผู้ร้องเป็นภริยาจำเลย และมีส่วนในทรัพย์ที่ถูกยึดไว้กึ่งหนึ่ง ขอให้ศาลหักส่วนของผู้ร้องไว้ให้แก่ผู้ร้องด้วย
โจทก์คัดค้านอ้างว่าทรัพย์ที่ยึดไว้นั้นเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของจำเลยฝ่ายเดียว
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่าทรัพย์พิพาทเป็นของจำเลยกับผู้ร้องทำมาหาได้ร่วมกันและเป็นเจ้าของกรรมสิทธิรวม โจทก์จะเอาส่วนของผู้ร้องชำระหนี้ให้แก่โจทก์ไม่ได้ เมื่อขายทอดตลาดแล้ว ให้แบ่งเงินสุทธิให้แก่ผู้ร้องกึ่งหนึ่ง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่โจทก์ว่าผู้ร้องนำสืบไม่ได้ความสมคำร้อง เพราะผู้ร้องอ้างว่าผู้ร้องได้ร่วมแรงร่วมทุนสร้างทรัพย์พิพาทมากับจำเลย แต่กลับนำสืบว่าผู้ร้องได้ทรัพย์ดังกล่าวมาโดยบิดาจำเลยยกให้นั้น ผู้ร้องอ้างว่าผู้ร้องมีสิทธิในทรัพย์ดังกล่าวรวมกับจำเลย ผู้ร้องก็นำสืบได้ความดังกล่าว ประเด็นสำคัญของคดีอยู่ที่ว่าผู้ร้องมีส่วนเป็นเจ้าของร่วมอยู่กับจำเลยหรือไม่เท่านั้น การที่ผู้ร้องจะได้ทรัพย์นั้นร่วมกับจำเลยมาโดยสถานไร หาใช่ข้อสำคัญไม่ ที่โจทก์ฎีกาว่าผู้ร้องไม่ใช่ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลย จึงไม่ใช่เจ้าของร่วมในทรัพย์พิพาท ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอแบ่ง นั้น ปรากฏว่าบิดาจำเลยได้ยกทรัพย์พิพาทให้ระหว่างผู้ร้องกับจำเลยอยู่กินเป็นสามีภริยากัน เมื่อได้มาแล้วจำเลยกับผู้ร้องได้ร่วมกันครอบครองทำมาหากินบนที่ดินดังกล่าวมาเป็นเวลาถึง ๒๐ ปี โดยปกติสุข เป็นการแสดงเจตนาให้ถือได้ว่าจำเลยกับผู้ร้องเป็นเจ้าของร่วมกัน ผู้ร้องย่อมมีสิทธิในทรัพย์พิพาทคนละกึ่งกับจำเลย ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าผู้ร้องได้รื้อเรือนซึ่งปลูกอยู่ในทรัพย์พิพาทไปก่อนที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะยึด เรือนดังกล่าวจะต้องตกเป็นของจำเลยกึ่งหนึ่งนั้น เรือนที่กล่าวอ้างมิใช่ทรัพย์ที่โจทก์นำยึดไว้แต่ประการใด จึงเป็นทรัพย์นอกพิพาท
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์.