คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5224/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากอสังหาริมทรัพย์ตามสัญญาเช่าและเรียกค่าเสียหายจากจำเลย จำเลยฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ยกอุทธรณ์ของจำเลยเนื่องจากเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 วรรคสอง ขอให้ศาลวินิจฉัยปัญหาตามอุทธรณ์ของจำเลย เสียใหม่ จึงเป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็น ราคาเงินได้ ตามบัญชีท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งตาราง 1 ข้อ 2(ข) ต้องเสียค่าขึ้นศาล 200 บาท เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาลดังกล่าวและศาลชั้นต้นได้มีหมายแจ้งให้จำเลยชำระค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาแล้ว แต่จำเลย ไม่ยอมชำระถือได้ว่าจำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลา ที่ศาลกำหนด เป็นการทิ้งฟ้องฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาแพ่ง มาตรา 174(2),246 และมาตรา 247

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนบ้านเลขที่ 84 หมู่ที่ 8แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินและให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 10,000 บาท นับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนบ้านดังกล่าวพร้อมทั้งขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาท
จำเลยให้การว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่ในเขตของกรมชลประทานโดยเป็นที่ชายตลิ่งจึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จำเลยได้ครอบครองและทำประโยชน์บนที่ดินพิพาทมาหลายสิบปีโดยความสงบและเปิดเผย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกไปจากที่ดินพิพาทตามฟ้องให้จำเลยรื้อถอนบ้านพร้อมทั้งขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาท ให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นรายวันวันละ 20 บาท นับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะออกไปจากที่ดินพิพาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากอสังหาริมทรัพย์ตามสัญญาเช่าและเรียกค่าเสียหายจากจำเลยจำเลยฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ยกอุทธรณ์ของจำเลยเนื่องจากเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคสอง ขอให้ศาลวินิจฉัยปัญหาตามอุทธรณ์ของจำเลยเสียใหม่ จึงเป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ตามบัญชีท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ตาราง 1 ข้อ 2(ข)ต้องเสียค่าขึ้นศาล 200 บาท เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาลดังกล่าวและศาลชั้นต้นได้มีหมายแจ้งให้จำเลยชำระค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาแล้ว แต่จำเลยเพิกเฉยไม่ยอมชำระกรณีถือได้ว่าจำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลกำหนดเป็นการทิ้งฟ้องฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2), 246 และมาตรา 247”
จึงให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

Share