แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้อง น.บูติค โดย ย.เป็นจำเลย ขอให้บังคับชำระหนี้เงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีและหนี้บัตรเครดิตธนาคารโจทก์พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์จนกว่าจะชำระเสร็จ โดยบรรยายฟ้องในส่วนที่เกี่ยวกับเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีว่า จำเลยเป็นลูกค้าของธนาคารโจทก์ เปิดบัญชีเดินสะพัดไว้กับโจทก์ และในส่วนที่เกี่ยวกับบัตรเครดิตธนาคารระบุว่า จำเลยยื่นคำขอเป็นผู้ถือบัตรเครดิต ซึ่งในคำขอเปิดบัญชีกระแสรายวันระบุว่า ย.ใช้ชื่อในการประกอบธุรกิจว่า น.บูติค ในหนังสือสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีจึงระบุว่า น.บูติค โดย ย.เป็นผู้กู้ ส่วนในใบสมัครและข้อตกลงการเป็นผู้ถือบัตรเครดิตก็ระบุว่า น.บูติค โดย ย. ย่อมเห็นได้ว่า น.บูติคเป็นนามสมญาในทางการค้าของ ย. ดังนั้น คำฟ้องของโจทก์ที่ระบุว่า น.บูติค ในช่องคู่ความ และที่ระบุว่าโจทก์ขอยื่นฟ้อง น.บูติค โดย ย.จำเลย จึงหมายความถึงฟ้อง ย.ในนามเจ้าของสมญาน.บูติค โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ อุทธรณ์เช่นนี้เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท ตามบัญชีท้าย ป.วิ.พ. ตาราง1 ข้อ 2 (ก)