คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1698/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ กับที่ดินซึ่งใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างนั้น จะต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินทุกชนิด เว้นแต่ทรัพย์สินที่กฎหมายบัญญัติไว้ในมาตรา 9 และ 10 ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2475 มาตรา 3 โรงเรือนของจำเลยใช้ทำเป็นหอพักโดยได้รับค่าตอบแทนและบริการอย่างอื่นจากผู้มาพักตามพระราชบัญญัติหอพัก แม้จำเลยจะอยู่อาศัยในหอพักนั้นด้วย โรงเรือนของจำเลยก็ไม่ได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว การใช้เป็นหอพักได้ผลประโยชน์ตอบแทนเหมือนการใช้ประกอบกิจการอย่างอื่นจึงไม่อยู่ในข่ายที่จะได้รับยกเว้นการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินตามมาตรา 10 เมื่อจำเลยไม่ไปรับแบบพิมพ์มากรอกรายการยื่นภายในกำหนดตามประกาศ ย่อมเป็นการละเลยต่อหน้าที่ของผู้รับประเมินที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย จึงมีความผิดตามมาตรา 20,46

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2517 รองผู้อำนวยการสำนักการคลังกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายได้ออกประกาศให้ผู้รับประเมินซึ่งมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร อันต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปี พ.ศ. 2517 ไปรับแบบพิมพ์เพื่อกรอกรายการและรับรองข้อความนั้นว่าเป็นความจริงตามความรู้เห็นของตนแล้วลงวันเดือนปีและนามของตนยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ประจำเขตที่ทรัพย์สินนั้น ตั้งอยู่ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2517 จำเลยทราบประกาศนั้นแล้ว ได้บังอาจกระทำผิดต่อกฎหมาย คือเมื่อระหว่างวันที่ 2 มกราคม 2517 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2517 เวลากลางวันจำเลยซึ่งเป็นผู้รับประเมินมีกรรมสิทธิ์ในบ้านเลขที่ 36/1 ถนนตานี แขวงตลาดยอด อันเป็นโรงเรือนที่ได้ให้ผู้อื่นเช่าอยู่อาศัย และตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร เข้าข่ายจะต้องไปรับแบบพิมพ์และกรอกรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เขตพระนครภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ได้บังอาจละเลยไม่แสดงข้อความตามที่กล่าวไว้ในประกาศข้างต้น โดยไม่มีเหตุสุดวิสัย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 19, 20, 46 พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2485 มาตรา 3

จำเลยให้การปฏิเสธ

ก่อนสืบพยาน คู่ความแถลงรับกันว่า จำเลยมีกรรมสิทธิ์โรงเรือนตามที่ระบุไว้ในฟ้องและได้ละเลยไม่ยื่นแบบแสดงรายการทรัพย์สินเพื่อเสียภาษีโรงเรือนภายในกำหนดเวลาตามประกาศตามฟ้องโดยได้ทราบประกาศดังกล่าวแล้ว โรงเรือนของจำเลยดังกล่าวเป็นหอพักตามกฎหมาย จำเลยอาศัยอยู่ในหอพักนี้เป็นบางส่วน และจำเลยได้รับค่าตอบแทนและค่าบริการอย่างอื่นจากผู้มาพักตามพระราชบัญญัติหอพัก และจำเลยอ้างว่าไม่ต้องยื่นเสียภาษีโรงเรือนตามกฎหมาย ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานของทั้งสองฝ่ายแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยเคยยื่นแบบแจ้งรายการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินเมื่อปี พ.ศ. 2515 เทศบาลนครหลวงไม่ยอมรับจำเลยก็ได้ยื่นใหม่ตามที่คำนวณ และฟ้องเป็นคดีแพ่งขอให้เพิกถอนการประเมินและคืนภาษี คดีดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างพิจารณา จำเลยไม่มีเจตนาละเมิดต่อกฎหมายการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยใช้โรงเรือนเป็นหอพักและได้รับเงินค่าตอบแทนถือว่าเป็นการให้เช่า จึงต้องยื่นแบบแสดงรายการทรัพย์สินเพื่อเสียภาษีภายในกำหนด การที่จำเลยละเลยเป็นการกระทำผิดตามฟ้องแล้ว ไม่ต้องคำนึงว่าจำเลยฟ้องคดีแพ่งเรียกภาษีคืนเกี่ยวกับภาษีโรงเรือน พ.ศ. 2515 จากโจทก์ และคดีอยู่ระหว่างพิจารณาหรือไม่ พิพากษากลับว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 19, 20, 46 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2485 มาตรา 3ปรับจำเลย 100 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิจารณาแล้วเห็นว่าตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ กับที่ดินซึ่งใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างนั้น จะต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินทุกชนิด เว้นแต่ทรัพย์สินที่กฎหมายบัญญัติไว้ในมาตรา 9 และมาตรา 10 ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2475 มาตรา 3 จึงจะได้รับยกเว้นการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน ข้อที่จำเลยฎีกาว่าโรงเรือนของจำเลยได้รับยกเว้นการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินตามมาตรา 10 ที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2475 มาตรา 3 นั้น บทบัญญัติมาตรานี้บัญญัติว่า”โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น ๆ ซึ่งเจ้าของอยู่เองหรือให้ผู้แทนอยู่เฝ้ารักษาและซึ่งมิได้ใช้เป็นที่ไว้สินค้าหรือประกอบการอุตสาหกรรมท่านให้งดเว้นจากบทบัญญัติแห่งภาคนี้ตั้งแต่ พ.ศ. 2475 เป็นต้นไป”เห็นว่าโรงเรือนของจำเลยใช้ทำเป็นหอพักโดยได้รับค่าตอบแทนและบริการอย่างอื่นจากผู้มาพักตามพระราชบัญญัติหอพัก แม้จำเลยจะอยู่อาศัยในหอพักนั้นด้วยก็ตาม โรงเรือนของจำเลยก็ไม่ได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว การใช้เป็นหอพักได้ผลประโยชน์ตอบแทนเหมือนการใช้ประกอบกิจการอย่างอื่น จึงไม่อยู่ในข่ายที่จะได้รับยกเว้นการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน เมื่อจำเลยไม่ไปรับแบบพิมพ์มากรอกรายการยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในกำหนดตามประกาศย่อมเป็นการละเลยต่อหน้าที่ของผู้รับประเมินจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย จึงมีความผิดตามฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยในข้ออื่นต่อไป

พิพากษายืน

Share