แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149,157 และตามคำฟ้องโจทก์บรรยายยืนยันว่าจำเลยเรียกและรับเงินจำนวน 20,000 บาท จาก อ.สำหรับตนเองโดยมิชอบ เพื่อจะได้เปิดกุญแจห้องขังและปล่อยตัว อ. ให้หลบหนีไปจากห้องควบคุม เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่พนักงานสอบสวน กรมตำรวจ ซึ่งเห็นได้ว่าโจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเมื่อปรากฎข้อเท็จจริงว่า จำเลยกระทำการโดยประมาทหลับนอนขณะมีหน้าที่ควบคุมผู้ต้องขัง เป็นเหตุให้ อ.หลบหนีการควบคุมไปอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 205 ซึ่งโจทก์มิได้บรรยายฟ้องและขอให้ศาลพิพากษาลงโทษไว้ ข้อแตกต่างตามคำฟ้องกับที่พิจารณาได้ความมิใช่ข้อแตกต่างระหว่างความผิดโดยเจตนาหรือประมาท แต่เป็นข้อแตกต่างที่ถือได้ว่าเป็นสาระสำคัญที่โจทก์มิได้ประสงค์จะให้ลงโทษ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 ศาลจึงพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 205 ตามที่พิจารณาได้ความไม่ได้เพราะเกินคำขอ การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยในข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ อ. หลุดพ้นจากการคุมขังโดยที่จำเลยมิได้อุทธรณ์ในปัญหานี้นั้น เมื่อปรากฏว่าคดีนี้โจทก์มิได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 204,205 แต่ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานดังกล่าว ซึ่งเป็นข้อที่โจทก์มิได้ประสงค์จะให้ลงโทษ กรณีเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจหยิบยกปัญหาดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยและพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับราชการเป็นเจ้าพนักงานตำรวจปฏิบัติหน้าที่สิบเวร มีหน้าที่ควบคุมดูแลผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมในอำนาจของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอแม่จัน และของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภออื่น ๆ ซึ่งนำมาฝากควบคุมไว้ในห้องควบคุมบนสถานีตำรวจภูธรอำเภอแม่จัน เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2537 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงาน ขณะปฏิบัติหน้าที่เข้าเวรควบคุมนางอาต่อ อาซอง ผู้ต้องหาของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรกิ่งอำเภอแม่ฟ้าหลวง ที่นำมาฝากควบคุมไว้ ซึ่งต้องหาว่ามียาเสพติดให้โทษเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกับจ่าสิบตำรวจสุชิน กลิ่นจำปา จำเลยปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรกิ่งอำเภอแม่ฟ้าหลวงกรมตำรวจและจ่าสิบตำรวจสุชิน กลิ่นจำปา กล่าวคือ จำเลยฉวยโอกาสขณะที่จ่าสิบตำรวจสุชิน กลิ่นจำปา นอนหลับ เรียกและรับเงินจำนวน20,000 บาท จากนางอาต่อ สำหรับตนเองโดยมิชอบเพื่อจะได้กระทำการเปิดกุญแจห้องขังและปล่อยตัวนางอาต่อให้หลบหนีไปจากห้องควบคุมขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, 157, 90
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 205 ลงโทษจำคุก 2 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน ยกฟ้องข้อหาอื่น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์บรรยายคำฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ ยอมจะรับเงินจากนางอาต่อ แล้วกระทำการหรือไม่กระทำการในหน้าที่โดยสุจริต ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, 157 แม้ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยมีหน้าที่ควบคุมนางอาต่อ ผู้ต้องขังของพนักงานสอบสวน กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้นางอาต่อ ผู้ต้องขังพ้นจากการคุมขังไปอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 204, 205 คดีโจทก์ก็สามารถลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 204, 205 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 นั้น เห็นว่าตามคำฟ้องโจทก์บรรยายยืนยันว่า จำเลยเรียกและรับเงินจำนวน 20,000บาท จากนางอาต่อ สำหรับตนเองโดยมิชอบเพื่อจะได้เปิดกุญแจห้องขังและปล่อยตัวนางอาต่อให้หลบหนีไปจากห้องควบคุม เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่พนักงานสอบสวน กรมตำรวจเป็นคำฟ้องที่เห็นได้ว่าโจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยกระทำการโดยประมาทหลับนอนขณะมีหน้าที่ควบคุมผู้ต้องขับ เป็นเหตุให้นางอาต่อหลบหนีการควบคุมไป อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 205 ซึ่งโจทก์มิได้บรรยายคำฟ้องและขอให้ศาลพิพากษาลงโทษไว้ข้อแตกต่างตามคำฟ้องกับที่พิจารณาได้ความมิใช่ข้อแตกต่างระหว่างความผิดโดยเจตนาหรือประมาท แต่เป็นข้อแตกต่างที่ถือได้ว่าเป็นสาระสำคัญที่โจทก์มิได้ประสงค์จะให้ลงโทษ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 ศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 205 ตามที่พิจารณาได้ความไม่ได้ เพราะเกินคำขอ ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกฟ้องจำเลยในข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้นางอาต่อหลุดพ้นจากการคุมขังโดยที่จำเลยมิได้อุทธรณ์ในปัญหานี้ เป็นการไม่ชอบนั้นเห็นว่า คดีนี้โจทก์มิได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 204, 205 การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานดังกล่าว ซึ่งเป็นข้อที่โจทก์มิได้ประสงค์จะให้ลงโทษดังได้วินิจฉัยมาแล้ว กรณีเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์ภาค 2 จึงมีอำนาจหยิบยกปัญหาดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 หยิบยกปัญหาดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยจึงชอบแล้ว
พิพากษายืน