แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยใช้อำนาจด้วยกำลังกายข่มขืนกระทำชำเราโจทก์จนสำเร็จความใคร่ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 243ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยได้กอดโจทก์ แต่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้กอดโจทก์อันเป็นความผิดตามมาตรา 246 ศาลต้องพิพากษายกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยใช้อำนาจด้วยกำลังกายข่มขืนกระทำชำเราขืนใจโจทก์จนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 243 จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นไม่เชื่อว่า จำเลยได้ข่มขืนชำเราโจทก์แต่เชื่อว่าจำเลยได้กอดโจทก์ซึ่งมิใช่ภรรยาจำเลยแต่เห็นว่า โจทก์มิได้บรรยายฟ้อง หรือกล่าวหาในคำฟ้องว่า จำเลยกอดโจทก์ จึงลงโทษจำเลยฐานนี้ไม่ได้พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้จะลงโทษจำเลยฐานกระทำอนาจารตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 246 ได้หรือไม่ แต่โจทก์มิได้อ้างกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 246 เป็นบทขอให้ลงโทษจำเลย โจทก์อ้างมาตรา 243 โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้กอดโจทก์อันจะเป็นผิดตาม มาตรา 246 การใช้กำลังกายข่มขืนกระทำชำเราดังคำบรรยายฟ้องคดีนี้หาจำต้องมีการกอดด้วยเสมอไปไม่ ฉะนั้นตามข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยได้กอดโจทก์จึงเป็นข้อเท็จจริงที่นอกคำฟ้อง หรือต่างกับโจทก์กล่าวในฟ้อง ซึ่งศาลต้องพิพากษายกฟ้อง ตามมาตรา 192 วรรค 2 พิพากษายืน