คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 412/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีก่อนที่จำเลยฟ้องขอไถ่ถอนการขายฝากที่นา ซึ่งในสัญญาระบุว่าขายฝากกันทั้งแปลง (มี 83 ไร่เศษ) แม้ในฟ้องจะกล่าวว่าแบ่งขายฝากกัน 50 ไร่ แต่เมื่อโจทก์จำเลยได้ประนีประนอมยอมความกันโจทก์ยอมรับเงินค่าไถ่ครบถ้วนตามสัญญาขายฝาก ซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมถึงที่สุดแล้ว ดังนี้ โจทก์จะกลับมาฟ้องอีกว่า นาอีก 33 ไร่เศษจำเลยยังไม่ได้ขอไถ่นั้น เป็นการฟ้องซ้ำต้องห้าม

ย่อยาว

ได้ความว่า คดีเรื่องก่อนจำเลยนี้เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์คดีนี้ขอไถ่นามีโฉนดเนื้อที่ 83 ไร่เศษ ซึ่งขายฝากไว้แก่โจทก์เป็นเงิน 1,500 บาทตามสัญญาท้ายฟ้อง ซึ่งมีว่า ขายฝากกันทั้งแปลง แต่ตามฟ้องเรื่องก่อนกล่าวว่า แบ่งขายฝากกัน 50 ไร่ โจทก์ยอมให้ไถ่จึงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยจำเลยเจ้าของนาขายนานั้นให้โจทก์ 40 ไร่เป็นเงิน 3,200 บาท และหักใช้หนี้ค่าขายฝากให้แก่โจทก์เมื่อเวลาไปโอนขายและไถ่ถอนกัน ศาลพิพากษาไปตามยอมแล้ว แล้วโจทก์กลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีกว่า นาอีก 33 ไร่เศษ จำเลยยังมิได้ไถ่เกิน 10 ปีหลุดเป็นสิทธิแก่โจทก์ นางเปลื้องจำเลยตัดฟ้องว่าโจทก์ฟ้องซ้ำและอื่น ๆ หลายประการส่วนนายฟุ้งจำเลยตาย โจทก์ขอถอนฟ้องเฉพาะนายฟุ้งไป

ศาลชั้นต้นงดสืบพยาน วินิจฉัยว่า จำเลยชำระเงินไถ่การขายฝากครบถ้วนแล้ว สัญญาขายฝากระงับ โจทก์ไม่มีสิทธิอ้างสัญญาขายฝากมาฟ้องอีก พิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์เอาเรื่องขายฝากที่จำเลยไถ่ถอนเสร็จทั้งแปลงแล้วมาฟ้องอีกเป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ได้ไถ่ถอนการขายฝากกันเสร็จแล้วเพราะปรากฏตามสัญญาขายฝากว่า ขายฝากกันทั้งแปลงโจทก์ยอมให้ไถ่ และรับเงินค่าไถ่ครบถ้วนตามสัญญาขายฝากนั้น จนศาลได้พิพากษาถึงที่สุดในประเด็นที่ว่า สัญญาขายฝากได้มีการไถ่ถอนกันเสร็จแล้ว ฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

พิพากษายืน

Share