คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1371-1372/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การฟ้องขอให้รับเด็กเป็นบุตรโดยชอบด้วย ก.ม. นั้น ถ้าเด็กนั้นตายแล้ว ก.ม.ยอมให้ผู้สืบสันดานของเด็กโดยเฉพาะที่จะฟ้องของให้รับเด็กเป็นบุตรได้เท่านั้น มารดาของเด็กไม่มีสิทธิจะฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรได้

ย่อยาว

คดีได้ความว่านายตอมกับนางคลี่จำเลยเป็นสามีภริยากันโดยทางได้เสียกันเอง ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมาย มีบุตรด้วยกัน ๑ คนคือ ด.ช.แดง แต่ตายเสียแล้วโดยตายภายหลังนายตอม
โจทก์ผู้เป็นมารดานายตอมจึงฟ้องเรียกมรดกนายตอมจากจำเลย จำเลยโต้แย้งขอส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งในฐานะผู้รับมรดกของเด็กชายแดง อีกกึ่งหนึ่งยอมให้เป็นของโจทก์ และจำเลยได้เป็นโจทก์ ฟ้องโจทก์ในคดีนี้เป็นจำเลย ขอให้ศาลแสดงว่าเด็กชายแดงเป็นบุตรของนายตอมโดยชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ให้การต่อสู้ในสำนวนหลังว่า จำเลยไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะเด็กชายแดงตายก่อนที่โจทก์ฟ้องหลายเดือนแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาสำนวนหลัง ให้รับเด็กชายแดงเป็นบุตรนายตอม ส่วนคดีแรกพิพากษาว่าโจทก์เป็นทายาทรับมรดกนายตอม จำเลยไม่มีส่วนรับมรดกให้จำเลยคืนมรดกตามฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องเรื่องให้รับเด็กเป็นบุตรนั้นเสีย นอกนั้นคงยืน
นางคลี่ฎีกาทั้งสองสำนวน
ศาลฎีกาเห็นว่า การฟ้องคดีขอให้รับรองเด็กเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น ถ้าเด็กนั้นตายแล้วตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๕๒๙ วรรคท้ายบัญญัติให้ผู้สืบสันดานของเด็กโดยเฉพาะที่จะฟ้องขอให้รับเด็กเป็นบุตรได้ ดังนั้นจำเลยผู้เป็นมารดาย่อมไม่มีสิทธิจะฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรตามฟ้องได้ ฉะนั้นข้อที่จำเลยจะมีสิทธิรับส่วนมรดกของเด็กก็ตกไปด้วย คดีไม่มีประเด็นเรื่องรับรองบุตรตามมาตรา ๑๖๒๗
จึงพิพากษา

Share