แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 เป็นการแก้ไขเล็กน้อย และฎีกาของโจทก์ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคสองไม่รับฎีกา
โจทก์เห็นว่า คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 เป็นการแก้ไขมาก เพราะแก้ไขบทลงโทษและแก้ไขโทษจำเลย โจทก์จึงฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริงได้ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยได้รับสำเนาคำร้อง แล้วหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสี่,83 จำคุก 15 ปี ให้จำเลยคืนสร้อยคอทองคำ แก่ผู้เสียหายหากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนเป็นเงิน 4,600 บาท
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสองและวรรคสาม ให้ลงโทษ ตามวรรคสามซึ่งเป็นบทหนัก วางโทษจำคุก 10 ปี นอกจากที่แก้ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 86)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 87)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสี่,83 ลงโทษจำคุก15 ปี ฯลฯ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสอง วรรคสาม ให้ลงโทษตามวรรคสามซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 10 ปี จึงเป็นการ แก้ไขทั้งบทและโทษ เป็นการแก้ไขมาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง จึงให้รับฎีกาในข้อเท็จจริงของจำเลยให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป