คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 543/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์เป็นคำฟ้องอย่างหนึ่ง การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีกรณีคำร้องขอปล่อยทรัพย์ของผู้ร้องนั้น เพราะผู้ร้องไม่วางเงินค่าขึ้นศาลภายในเวลาที่ศาลกำหนดเป็นการจำหน่ายคดีเนื่องจากผู้ร้องทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ซึ่งตามมาตรา 176บัญญัติถึงผลของการทิ้งคำร้องว่าย่อมลบล้างผลแห่งการยื่นคำร้องรวมทั้งกระบวนพิจารณาอื่น ๆ อันมีมาต่อภายหลังยื่นคำร้องและกระทำให้คู่ความกลับคืนสู่ฐานะเดิมเสมือนหนึ่งมิได้มีการยื่นคำร้องเลยเช่นนี้ ถือได้ว่าขณะผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดนั้น ไม่มีคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์พิพาทของผู้ร้องอยู่ในศาลแล้ว ผู้ร้องจึงไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี ในอันที่จะร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดตามมาตรา 296 วรรคสอง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ขอหมายบังคับคดีนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดที่ 86695 พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 1 และนำออกขายทอดตลาดเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2532 โดยขายไปในราคา 1,320,000 บาท
จำเลยที่ 1 และผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาท
โจทก์คัดค้านว่า ผู้ร้องไม่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายกคำร้อง
จำเลยที่ 1 และผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2532 เวลา 8.30 นาฬิกา ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์พิพาทและคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาก่อน และให้งดการบังคับคดีไว้ด้วย ส่วนคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์พิพาทนั้นศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รอไว้สั่งเมื่อทำการไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแล้ว ในวันเดียวกันเวลา 9 นาฬิกา เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทเสร็จสิ้นก่อนได้รับทราบคำสั่งศาลที่ให้งดการบังคับคดีไว้ โดยขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทไปในราคา1,320,000 บาทวันที่ 8 พฤษภาคม 2532 ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดเป็นคดีนี้ ต่อมาขณะคดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาปรากฏว่าคดีที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์พิพาทนั้น ผู้ร้องไม่วางเงินค่าขึ้นศาลภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความและคดีถึงที่สุดแล้ว ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยเสียก่อนว่าผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี อันจะทำให้มีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดหรือไม่ เห็นว่า คำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์นั้น เป็นคำฟ้องอย่างหนึ่งการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีกรณีคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์พิพาทของผู้ร้องนั้น เป็นการจำหน่ายคดีเนื่องจากผู้ร้องทิ้งคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)ซึ่งตามมาตรา 176 บัญญัติถึงผลของการทิ้งคำร้องว่า ย่อมลบล้างผลแห่งการยื่นคำร้อง รวมทั้งกระบวนพิจารณาอื่น ๆ อันมีมาต่อภายหลังยื่นคำร้อง และกระทำให้คู่ความกลับคืนสู่ฐานะเดิมเสมือนหนึ่งมิได้มีการยื่นคำร้องเลยเช่นนี้ ถือได้ว่าขณะผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดนั้นไม่มีคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์พิพาทของผู้ร้องอยู่ในศาลแล้ว ผู้ร้องจึงไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี ในอันที่จะร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดตามมาตรา 296 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งศาลจึงต้องยกคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดของผู้ร้องดังกล่าวและคดีไม่เป็นประโยชน์ที่จะวินิจฉัยฎีกาของผู้ร้องอีกต่อไปที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องของผู้ร้องนั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share