คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทนายความจะต้องจดวันนัดพิจารณาจากรายงานกระบวนพิจารณาของศาล การที่จำเลยซึ่งเป็นทนายความของโจทก์อ้างว่าจำวันนัดสืบพยานผิดพลาดตามที่ได้รับแจ้งจากเจ้าพนักงานศาล จึงเป็นความบกพร่องของจำเลยเอง หาใช่เหตุสุดวิสัยไม่และเมื่อจำเลยไม่ไปศาลในวันนัดสืบพยานจนศาลสั่งจำหน่ายคดีของโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์จึงฟ้องจำเลยได้โดยไม่ต้องบอกกล่าว เพราะกรณีแห่งคดีนี้ไม่มีบทกฎหมายใดบังคับให้โจทก์ต้องบอกกล่าวแก่จำเลยก่อนฟ้อง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นทนายความและเป็นเจ้าของสำนักงานทนายความ จำเลยที่ 2 เป็นทนายความประจำสำนักงานของจำเลยที่ 1 เมื่อเดือนตุลาคม 2526 โจทก์ได้ตกลงว่าจ้างจำเลยที่ 1 เป็นทนายความว่าต่างให้แก่โจทก์จำเลยที่ 1 เรียกเงินเป็นค่าจ้างว่าความและค่าใช้จ่ายขั้นต้น 5,000 บาท ซึ่งโจทก์ชำระให้แก่จำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยที่ 1 มอบหมายให้จำเลยที่ 2 เป็นทนายโจทก์ดำเนินการฟ้องคดีดังกล่าว ต่อมาวันที่ 7 มีนาคม 2527 ซึ่งเป็นวันนัดสืบพยาน จำเลยที่ 2 ไม่ไปศาลเป็นเหตุให้ศาลถือว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเพราะคดีขาดอายุความไม่สามารถนำคดีมาฟ้องใหม่ได้ จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นทนายความของโจทก์ในคดีดังกล่าวจะต้องร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องคดีจำนวนเงิน121,067 บาท และค่าจ้างว่าความที่โจทก์จ่ายให้แก่จำเลยทั้งสองไปจำนวน 5,000 บาท ขอให้พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงินจำนวน 126,067 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่เคยตกลงรับเป็นทนายความว่าต่างให้แก่โจทก์ ไม่เคยรับค่าใช้จ่ายจากโจทก์ ไม่เคยมอบหมายให้จำเลยที่ 2 เป็นทนายความแทนจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 มิได้เกี่ยวข้องกับความประมาทของจำเลยที่ 2 โจทก์เสียหายไม่เกิน10,000 บาท และโจทก์ไม่ได้บอกกล่าวก่อนฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า เงินจำนวน 5,000 บาท มิใช่ค่าทนายความแต่เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีและค่าธรรมเนียมศาล การผิดพลาดเกิดขึ้นจากเหตุสุดวิสัย โจทก์เสียหายไม่เกิน 10,000 บาท และโจทก์ไม่ได้บอกกล่าวก่อนฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายจำนวน 70,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานวันที่ 7 มีนาคม 2527 จำเลยที่ 2 ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ศาลว่านัดสืบพยานโจทก์วันที่ 27 มีนาคม 2527 จำเลยที่ 2 จึงจำวันนัดสืบพยานผิดพลาดอันเป็นเหตุสุดวิสัยนั้น เห็นว่า เพื่อความไม่ประมาท จำเลยที่ 2 จะต้องจดวันนัดสืบพยานจากรายงานกระบวนพิจารณาที่ศาลชั้นต้นบันทึกไว้ การที่จำเลยที่ 2 จำวันนัดสืบพยานผิดพลาด จึงเป็นความบกพร่องของจำเลยที่ 2 เอง หาได้เกิดจากเหตุสุดวิสัยไม่
จำเลยที่ 2 ฎีกาต่อมาว่า ก่อนฟ้องโจทก์ไม่ได้บอกกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรให้จำเลยที่ 2 ทราบ ถือว่าไม่มีการบอกกล่าวที่ถูกต้อง ฟ้องของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า กรณีแห่งคดีนี้ไม่มีบทกฎหมายใดบังคับให้โจทก์ต้องบอกกล่าวแก่จำเลยก่อนฟ้องดังนั้น โจทก์จะบอกกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ ก็ไม่ทำให้ฟ้องของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด
พิพากษายืน.

Share