แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยออกเช็ครวม 3 ฉบับ และได้มอบเช็คสองฉบับ ให้แก่ ศ. ส่วนเช็คอีกฉบับ มอบให้แก่ พ. เพื่อชำระหนี้ที่จำเลยได้ยักยอกเงินของผู้เสียหายทั้งสองไป ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิด อันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 เมื่อ ศ. ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต จึงหมายถึงอนุญาตให้เข้าร่วมเป็นโจทก์เฉพาะข้อหาความผิดตามเช็คเพียงสองฉบับ ซึ่งโจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหายเท่านั้น ไม่หมายความรวมถึงเช็คอีกหนึ่งฉบับซึ่งโจทก์ร่วมมิใช่ผู้ได้รับความเสียหายด้วย เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ร่วมฎีกาแต่เพียงฝ่ายเดียวคดีจึงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ร่วมเฉพาะสองฉบับที่โจทก์ร่วมเป็นผู้ได้รับความเสียหาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา (1) (3) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณานายศักดิ์ชัย รุ่งภูวภัทร ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จำคุกจำเลยกระทงละ 2 เดือน รวม 3 กระทง เป็นจำคุก 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่าเมื่อผู้เสียหายคนหนึ่งยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต จึงหมายถึงอนุญาตให้เข้าร่วมเป็นโจทก์เฉพาะข้อหาความผิดตามเช็คเพียงสองฉบับซึ่งโจทก์ร่วมเป็นผู้ได้รับความเสียหายเท่านั้น ไม่หมายความรวมถึงเช็คอีก 1 ฉบับ ซึ่งโจทก์ร่วมมิใช่ผู้ได้รับความเสียหายด้วย เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ไม่ฎีกาคงมีโจทก์ร่วมฎีกาแต่เพียงฝ่ายเดียว ดังนั้นข้อหาความผิดสำหรับเช็ค 1 ฉบับตามเอกสารหมาย จ.3 ซึ่งโจทก์ร่วมมิใช่ผู้ได้รับความเสียหายจึงยุติ คดีจึงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ร่วมแต่เพียงว่า จำเลยออกเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.2 และ จ.4 เพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายหรือไม่ เมื่อ ศ. เขียนรายการในเช็คตามที่จำเลยขอให้เขียนให้ต่อหน้าจำเลยจึงถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คเอกสารหมาย จ.2 ถึง จ.4เพื่อชำระเงินที่โจทก์ร่วมและ ภ. นำมาลงทุนกับ ศ. แล้วจำเลยยักยอกไปมอบให้โจทก์ร่วมและ ภ. จึงถือว่าจำเลยได้ สั่งจ่ายเช็คเอกสารหมาย จ.2 ถึง จ.4 เพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย อันเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 แล้ว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ร่วมฟังขึ้น แต่เมื่อเช็คตามเอกสารหมาย จ.3 ยุติไปแล้วดังที่วินิจฉัยข้างต้น ศาลฎีกาไม่มีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไข
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 สำหรับเช็คเอกสารหมาย จ.2 และ จ.4 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษ ทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 2 เดือน รวม 2 กระทง จำคุก 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.