คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 519/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทโดยห้างหุ้นส่วนจำกัด ว. โอนชำระหนี้จำนองแก่โจทก์ จำเลยอาศัยอยู่ในทรัพย์พิพาทโดยไม่มีสัญญาเช่ากับเจ้าของเดิมโจทก์แจ้งให้จำเลยและบริวารออกไปจากทรัพย์พิพาทของโจทก์แล้ว จำเลยเพิกเฉยขอให้ขับไล่จำเลยและบริวาร กับให้ใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยได้ซื้อทรัพย์พิพาทจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ว. และได้ครอบครองทรัพย์พิพาทตามสัญญาโดยไม่ต้องเสียค่าเช่ามาก่อนที่โจทก์จะได้รับโอนทรัพย์พิพาทเป็นการชำระหนี้จำนองจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ว.จำเลยจึงมีสิทธิในทรัพย์พิพาทดีกว่าโจทก์ เพราะจำเลยมีสัญญาซื้อขายกับเจ้าของเดิม ฟ้องแย้งของจำเลยดังกล่าวจึงเกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องแย้งไว้พิจารณาอ้างว่าฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ก็ถือว่าไม่มีประเด็นแห่งคดีเกี่ยวกับฟ้องแย้ง ในอันที่ศาลชั้นต้นจะพิจารณาพิพากษาเมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องแย้งเกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ก็ชอบที่จะต้องพิพากษายกคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องแย้งของจำเลยแล้วดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ต่อไป การที่ศาลอุทธรณ์กลับวินิจฉัยข้อเท็จจริงในประเด็นแห่งคดีเกี่ยวกับฟ้องแย้ง ศาลอุทธรณ์จึงนำข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้ว และที่ศาลชั้นต้นไม่รับไว้พิจารณามาพิพากษายกฟ้องแย้งไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินและตึกแถวโดยห้างหุ้นส่วนจำกัดวิเศษมณีรัตน์โอนชำระหนี้จำนองแก่โจทก์ จำเลยอาศัยอยู่ในที่ดินและตึกแถวดังกล่าวก่อนโจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์โดยไม่มีสัญญาเช่ากับเจ้าของเดิม หลังจากโจทก์ได้รับโอนกรรมสิทธิ์มาแล้วได้แจ้งให้จำเลยกับบริวารออกไปจากที่ดินและตึกแถวของโจทก์ แต่จำเลยเพิกเฉยขอให้ขับไล่จำเลยและบริวาร กับให้ใช้ค่าเสียหาย

จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของทรัพย์พิพาท จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยได้ตกลงซื้อทรัพย์สินพิพาทจากห้างหุ้นส่วนจำกัดวิเศษมณีรัตน์เจ้าของเดิมโดยเปลี่ยนจากการซื้อขายตึกแถวเลขที่ 1870 และจำเลยได้ครอบครองทรัพย์พิพาทตามสัญญาโดยไม่ต้องเสียค่าเช่า จำเลยจึงเป็นผู้มีสิทธิจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทก่อนโจทก์ การจดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทของโจทก์ได้กระทำโดยไม่สุจริตทำให้จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ ขอให้ยกฟ้องโจทก์และพิพากษาเพิกถอนการจดทะเบียนทรัพย์พิพาทมาเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์เพิกถอนนิติกรรมการโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์พิพาทระหว่างห้างหุ้นส่วนจำกัดวิเศษมณีรัตน์กับโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายแก่จำเลยเท่ากับเงินมัดจำ

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม โจทก์รับโอนทรัพย์พิพาทมาโดยสุจริต เสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนสิทธิโดยชอบ สัญญาวางมัดจำและซื้อขายท้ายฟ้องแย้งมิใช่สัญญาซื้อขายทรัพย์พิพาท จำเลยจึงไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนทรัพย์พิพาทของโจทก์ ทั้งจำเลยฟ้องคดีเกิน 1 ปี จึงขาดอายุความขอให้ยกฟ้องแย้ง

ครั้นถึงวันนัดชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ซึ่งรับฟ้องแย้งไว้เป็นให้ยกฟ้องแย้งคืนค่าขึ้นศาลทั้งหมด

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากทรัพย์พิพาทกับให้ใช้ค่าเสียหาย

จำเลยอุทธรณ์ขอให้รับฟ้องแย้ง

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับฟ้องเดิมแต่จำเลยไม่ใช่บุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนในทรัพย์พิพาทได้ก่อนผู้อื่น ส่วนฟ้องของจำเลยขอให้เพิกถอนการโอนทรัพย์พิพาทระหว่างโจทก์กับห้างหุ้นส่วนจำกัดวิเศษมณีรัตน์ ศาลไม่อาจพิพากษาบังคับให้ได้เพราะจำเลยมิได้ฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัดวิเศษมณีรัตน์เข้ามาในคดีด้วย ที่ศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยจึงชอบแล้ว พิพากษายืน

จำเลยฎีกาให้รับฟ้องแย้ง

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว เห็นว่า ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นการต่อสู้ว่าจำเลยได้ซื้อทรัพย์พิพาทจากห้างหุ้นส่วนจำกัดวิเศษมณีรัตน์ และจำเลยได้ครอบครองทรัพย์พิพาทตามสัญญา โดยจำเลยไม่ต้องเสียค่าเช่ามาก่อนที่โจทก์จะได้รับโอนทรัพย์พิพาทเป็นการชำระหนี้จำนองจากห้างหุ้นส่วนจำกัดวิเศษมณีรัตน์ จำเลยมีสิทธิในทรัพย์พิพาทดีกว่าโจทก์ เพราะจำเลยมีสัญญาซื้อขายกับเจ้าของเดิม ฟ้องแย้งของจำเลยดังกล่าวจึงเกี่ยวกับคำฟ้องเดิม จำเลยฟ้องแย้งได้ แต่คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องแย้งไว้พิจารณาอ้างว่าฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมเมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องแย้งเกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะต้องพิพากษายกคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องแย้งของจำเลยแล้วดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ต่อไป แต่ศาลอุทธรณ์กลับวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยยังชำระราคาค่าซื้อทรัพย์พิพาทให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดวิเศษมณีรัตน์ไม่ครบ จำเลยจึงไม่อยู่ในฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิของตนในทรัพย์พิพาทได้ก่อนผู้อื่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300 และศาลก็ไม่อาจพิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนทรัพย์พิพาทระหว่างโจทก์กับห้างหุ้นส่วนจำกัดวิเศษมณีรัตน์โดยที่จำเลยมิได้ฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัดวิเศษมณีรัตน์เข้ามาในคดีด้วย พิพากษาให้ยกฟ้องแย้งนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นไม่รับฟ้องแย้งไว้พิจารณาแล้วก็ถือว่าไม่มีประเด็นแห่งคดีเกี่ยวกับฟ้องแย้งในอันที่ศาลชั้นต้นจะพิจารณาพิพากษา ศาลอุทธรณ์จึงนำข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วและที่ศาลชั้นต้นไม่รับไว้พิจารณามาพิพากษายกฟ้องแย้งไม่ได้

พิพากษายกคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องแย้งของจำเลยไว้แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share