คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 133/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ได้ความว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดขาดทุนและมีทรัพย์สินเหลืออยู่ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายของห้างที่ต้องใช้จ่ายเป็นประจำ การดำเนินการต่อไปมีแนวโน้มที่มีแต่จะขาดทุน พฤติการณ์ที่หุ้นส่วนไม่ปรองดองกัน แสดงให้เห็นว่าไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน ถือได้ว่าขาดสิ่งอันเป็นสารสำคัญของการเข้าเป็นหุ้นส่วน หากจะเปลี่ยนตัวหุ้นส่วนผู้จัดการ ก็ไม่มีทางจะทำได้เพราะห้างนี้มีเพียงจำเลยที่ 1 คนเดียวเท่านั้นเป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด นอกจากนั้นบัญชีของห้างบางรายการลงไว้ไม่ถูกต้อง รายจ่ายก็ปรากฏว่าจ่ายโดยหละหลวม ฟุ่มเฟือยเกินกว่าความจำเป็น การดำเนินการของห้างปราศจากการควบคุมที่ดี เหล่านี้เป็นเหตุให้ห้างเหลือวิสัยที่จะดำรงคงอยู่ต่อไปได้ ศาลย่อมพิพากษาให้ห้างดังกล่าวเลิกกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เข้าหุ้นกับจำเลยที่ ๑ และนายสุรพงษ์จัดตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทร เพื่อดำเนินกิจการเหมืองแร่ โดยผลิตแร่ฟลูออไรท์และแร่อื่นๆ เพื่อจำหน่ายตกลงทุนเข้าหุ้นกันคนละ ๒๐๐,๐๐๐ บาท และได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด โดยมีจำเลยที่ ๑ หุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการแต่ผู้เดียว ส่วนโจทก์กับนายสุรพงษ์เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด นับแต่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทรได้เริ่มทำกิจการเหมืองแร่ที่จังหวัดลำปางเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๔ ปรากฏว่ามีรายได้เป็นผลประโยชน์คิดเป็นเงินหลายแสนบาท แต่จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการมิได้จัดทำบัญชีรายรับ รายจ่ายให้เรียบร้อยและถูกต้องตามกฎหมายจนกระทั่งบัดนี้ก็ยังมิได้ทำบัญชีให้เป็นหลักฐาน ทำให้โจทก์ไม่สามารถตรวจสอบผลกำไรหรือขาดทุนที่แน่นอนได้ เงินรายได้ก็มิได้นำเข้าบัญชีธนาคารของห้างหุ้นส่วนให้ถูกต้อง โจทก์ได้ทักท้วง จำเลยที่ ๑ ก็มิได้ดำเนินการแก้ไข นอกจากนี้เรื่องภาษีอากรต่างๆ โจทก์ก็ไม่อาจทราบได้ว่าจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการได้ชำระหนี้ให้แก่กรมสรรพากรโดยถูกต้องเพียงใดหรือไม่ ซึ่งต่อไปอาจเกิดความเสียหายถึงโจทก์ ขณะนี้เหมืองแร่ซึ่งเป็นกิจการของห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทร ได้หยุดดำเนินกิจการแล้วโดยสิ้นเชิง หากปล่อยให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทร ยังคงอยู่ต่อไปก็รังแต่จะก่อให้เกิดหนี้สินและความเสียหายเพิ่มพูนขึ้นทุกปี ก่อนฟ้องคดีนี้ โจทก์ได้บอกเลิกหุ้นส่วนให้จำเลยทั้งสองทราบแล้ว แต่จำเลยทั้งสองก็มิได้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด จึงขอให้มีคำสั่งเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทร แล้วแต่งตั้งนายสมคิดเป็นผู้ชำระบัญชีต่อไป
จำเลยทั้งสองให้การว่า ตามที่โจทก์กล่าวในฟ้องไม่เป็นเหตุที่จะเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัดรายนี้ได้ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทร ไม่ได้มีกำไรหลายแสน จำเลยได้ทำบัญชีของห้างหุ้นส่วนจำกัดไว้เรียบร้อยถูกต้องตามกฎหมายการเงินและภาษีของห้างหุ้นส่วนจำกัด จำเลยก็ได้ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายห้างหุ้นส่วนจำกัดอยู่ในวิสัยที่จะดำรงคงอยู่ต่อไปโดยมีทางฟื้นตัวได้ การขอให้ตั้งผู้ชำระบัญชีตามฟ้องโจทก์ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทรเลิกกัน โดยให้จัดการชำระบัญชีไปตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
วินิจฉัยว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทร ตั้งขึ้นมาก็เพื่อดำเนินกิจการเหมืองแร่ โดยผลิตแร่ฟลูออไรท์และแร่อื่นๆ เพื่อจำหน่าย แต่ไม่มีเหมืองของตนเอง ต้องเช่าคนอื่นเขาทำและต้องเช่ารถแทรกเตอร์มาใช้ในกิจการดังกล่าว เมื่อดำเนินกิจการมาได้ประมาณ ๕ เดือน ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทร ขายแร่ได้เป็นเงิน ๒๗๔,๐๐๐ บาทเศษ ตามเอกสารหมาย จ.๓ แต่ก็ปรากฏว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทรขาดทุนไปประมาณ ๒๕๖,๐๐๐ บาทเศษ ตามเอกสารหมาย จ.๗ และได้หยุดดำเนินกิจการมาจนกระทั่งบัดนี้ จำเลยที่ ๑ ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการได้เรียกให้โจทก์และจำเลยที่ ๒ นำเงินค่าหุ้นที่ยังค้างชำระอยู่มาลงเพื่อที่ห้างหุ้นส่วนจะได้ดำเนินกิจการต่อไป ปรากฏว่าโจทก์ไม่ยอมนำเงินมาชำระ จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ จึงไม่ยอมชำระด้วย พิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้หุ้นส่วนทุกคนจะลงเงินค่าหุ้นที่ยังค้างชำระอยู่ครบตามจำนวนที่เรียกไปก็ตาม แต่เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทรขาดทุนและมีทรัพย์สินเหลืออยู่สำหรับดำเนินการต่อไปเพียง ๔๓,๖๒๕.๗๕ บาทเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายของห้างหุ้นส่วนจำกัดที่จะต้องใช้จ่ายประจำ การดำเนินการต่อไปก็ย่อมมีแนวโน้มที่มีแต่จะขาดทุน พฤติการณ์ที่หุ้นส่วนไม่ปรองดองกันย่อมแสดงให้เห็นว่าไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน ถือได้ว่าขาดสิ่งอันเป็นสารสำคัญของการเข้าเป็นหุ้นส่วน หากจะเปลี่ยนตัวหุ้นส่วนผู้จัดการก็ไม่มีทางที่จะทำให้เพราะหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทรมีจำเลยที่ ๑ คนเดียวเท่านั้นที่เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด
ในเรื่องการทำบัญชีของห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทร ซึ่งโจทก์อ้างว่าจำเลยที่ ๑ ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการไม่จัดทำบัญชีของห้างหุ้นส่วนให้เรียบร้อยและถูกต้อง โดยนำนายสรสิทธิผู้ตรวจบัญชีเบิกความเป็นพยานว่า บัญชีรายการบางรายการลงไว้ไม่ถูกต้องและสมบูรณ์ทางการบัญชี รายจ่ายก็ปรากฏว่าจ่ายโดยหละหลวมและฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็นของห้าง การดำเนินการของห้างปราศจากการควบคุมภายในที่ดี การรับจ่ายเงินดังกล่าวมาแล้วนี้ หากดำเนินกิจการต่อไปก็จะประสบแต่การขาดทุน แม้จำเลยจะอ้างว่าห้างหุ้นส่วนยังมีอาชญาบัตรอีก ๖ แปลงก็ปรากฏว่าเป็นชื่อของโจทก์เสีย ๔ แปลงที่โจทก์ได้มาก่อนจะจัดตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทรขึ้น ส่วนอีก ๒ แปลงก็ปรากฏว่าเป็นของห้างหุ้นส่วนจำกัด คิงฟอร์ไรด์ ทั้งตามเอกสารหมาย จ.๗ ก็ปรากฏว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทร ขาดทุนอยู่จริงถึง ๒๕๖,๐๐๐ บาทเศษ ที่ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่าการที่โจทก์ฟ้องขอให้เลิกห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทร ก็เพราะไม่มีความไว้วางใจในตัวจำเลยที่ ๑ ผู้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการว่าจะดำเนินกิจการต่อไปให้สมประโยชน์ของโจทก์ผู้เป็นหุ้นส่วนและไม่มีทางจะเปลี่ยนตัวผู้จัดการได้ จึงมีเหตุทำให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทรเหลือวิสัยที่จะดำรงคงอยู่ต่อไปได้ จึงต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแล้ว
พิพากษายืน

Share