คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5169/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะสั่งงดสืบพยานโจทก์ซึ่งไม่มาศาล ศาลชั้นต้นได้ให้โอกาสแก่โจทก์ถึง 5 ครั้ง เพื่อให้ดำเนินการให้ได้บุคคลทั้งสามมาสืบ ซึ่งในแต่ละครั้งศาลชั้นต้นได้กำชับโจทก์ให้รีบเร่งดำเนินการเพื่อให้บุคคลทั้งสามมาศาลในวันนัด แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงวันนัด โจทก์นำบุคคลทั้งสามมาศาลไม่ได้เลย ทั้งไม่สามารถแสดงเหตุผลถึงการที่บุคคลดังกล่าวไม่มาศาลโดยแถลงเพียงว่า ยังไม่ได้รับทราบผลของการส่งหมายบ้าง ยังส่งหมายให้ไม่ได้บ้าง หรือบางคนย้ายไปอยู่ที่ต่างจังหวัดแต่โจทก์ก็มิได้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้ได้ตัวมาสืบ ทั้งมิได้แถลงให้ศาลทราบว่าโจทก์ยังสามารถติดตามบุคคลดังกล่าวมาสืบได้หรือไม่ เมื่อใด จึงไม่มีเหตุผลที่ศาลชั้นต้นจะเลื่อนคดีให้แก่โจทก์ และศาลชั้นต้นสั่งงดสืบบุคคลทั้งสามชอบด้วยเหตุผลแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๘๓,๒๘๘ และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ลดโทษให้หนึ่งในสาม จำคุก ๑๒ ปี จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓,๓๙๑ ลดโทษให้คนละหนึ่งในสาม จำคุกคนละ ๒๐ วัน ริบของกลาง คำขออื่นนอกนั้นให้ยก
โจทก์และจำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาโดยอธิบดีอัยการลงลายมือชื่อรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าการที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบนายไชยยศ สิริกิตติเจิมจิตร นายเดชา ปัญจงามพัฒนา และ นายสมทิน สุริยัง ซึ่งโจทก์อ้างเป็นพยานนั้น เป็นการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะสั่งงดสืบบุคคลทั้งสามซึ่งไม่มาศาลในวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๒๗ อันเป็นวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งสุดท้ายนั้น ศาลชั้นต้นได้ให้โอกาสแก่โจทก์เพื่อให้ดำเนินการให้ได้บุคคลทั้งสามนำสืบแล้วหลายครั้ง คือครั้งแรกวันนัดสืบพยานโจทก์เมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๒๗ ครั้งที่สองเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๒๗ ครั้งที่สามเมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๒๗ ครั้งที่สี่เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๒๗ และครั้งที่ห้าเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๒๗ ซึ่งในแต่ละครั้งศาลชั้นต้นได้กำชับโจทก์ให้รีบเร่งดำเนินการเพื่อให้บุคคลทั้งสามมาศาลในวันนัด แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงวันนัดโจทก์นำบุคคลทั้งสามมาศาลไม่ได้เลย เว้นแต่นายไชยยศซึ่งเคยมาศาลในนัดที่สามเพียงครั้งเดียว ทั้งโจทก์ก็ไม่สามารถแสดงเหตุผลต่อศาลถึงการที่บุคคลดังกล่าวไม่มาศาลโดยแถลงเพียงว่ายังไม่ได้รับทราบผลของการส่งหมายบ้าง ยังส่งหมายให้ไม่ได้บ้าง หรือบางคนย้ายไปอยู่ที่ต่างจังหวัด แต่มิได้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้ได้ตัวมาสืบ ทั้งมิได้แถลงให้ศาลทราบว่าโจทก์ยังสามารถติดตามบุคคลดังกล่าวมาสืบได้หรือไม่ เมื่อใด ฉะนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่ศาลชั้นต้นจะเลื่อนคดีให้แก่โจทก์เพื่อให้โจทก์ติดตามตัวบุคคลดังกล่าวมาสืบโดยไม่ทราบแน่นอนว่าจะได้ตัวมาสืบหรือไม่ ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบบุคคลทั้งสามจึงชอบด้วยเหตุผลแล้ว ไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งศาลชั้นต้น แล้ววินิจฉัยข้อเท็จจริงต่อไปว่า จำเลยที่ ๑ กระทำความผิดตามฟ้องส่วนจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ฟังไม่ได้ว่าได้ร่วมกระทำความผิดด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ วางโทษจำคุก ๑๘ ปี บันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ ๑ และทางนำสืบของจำเลยที่ ๑ เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของศาล ลดโทษหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๑๒ ปีของกลางริบ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share