คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1283/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เพียงแต่จำเลยยกปืนยาวลูกซองขึ้น พานท้ายปืนเตรียมจะประทับบ่าไม่ได้ขึ้นนกปืน และไม่อยู่ในท่าที่พร้อมจะยิงได้ ก็มีผู้แย่งปืนไปจากมือจำเลยเสียก่อน เมื่อพฤติการณ์แห่งรูปคดีเห็นได้ว่าจำเลยเพียงทำท่าขู่หาได้มีเจตนาที่จะยิงจริงจังไม่ ดังนี้ การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดฐานพยายามฆ่าคน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๑๑ เวลากลางวันจำเลยมีเจตนาฆ่านายสุทัศน์ น้อยใจดี ให้ตาย ได้ใช้อาวุธปืนยาวลูกซองประทับเล็งพร้อมที่จะยิงไปทางนายสุทัศน์ ซึ่งเป็นการลงมือกระทำความผิดแล้ว แต่มีนางอ่อน แซ่เรือง แย่งปืนจากจำเลย เป็นการขัดขวางการกระทำของจำเลยเสียทันท่วงที จำเลยจึงกระทำไปไม่ตลอดเหตุเกิดที่ตำบลบางระกำ อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ และสั่งริบอาวุธปืนกับกระสุนปืน ๒ นัด ที่ใช้ในการกระทำผิดของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ จำคุก ๑๐ ปี เฉพาะปืนของกลางริบ กระสุนปืนของกลางไม่ริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า พยานโจทก์ยังรับฟังไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยดังที่โจทก์นำสืบมาเป็นพยายามฆ่า พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ คืนปืนและกระสุนปืนของกลางให้จำเลย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังว่า เมื่อพิจารณาถึงมูลเหตุหรือสาเหตุที่จะทำให้จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายแล้ว ยังน่าสงสัยอยู่ไม่น้อย เพราะนายสุทัศน์ผู้เสียหายก็ว่าไม่เคยมีเรื่องโกรธเคืองกับจำเลยมาแต่ก่อนจำเลยมีเรื่องโต้เถียงกับผู้อื่นในวงเหล้าที่บ้านนายขินก็จริง แต่ผู้เสียหายก็เป็นแต่เพียงห้ามปรามเท่านั้น ไม่น่าที่จำเลยจะคุมแค้นโกรธเคืองถึงกับจะเอาปืนยิงผู้เสียหาย ถ้าจะว่าผู้เสียหายทำอะไรรุนแรงทำให้จำเลยโกรธเคืองมาก ข้อเท็จจริงก็ไม่ปรากฏในคำเบิกความของพยานโจทก์แต่อย่างใดเลย อย่างไรก็ดีแม้จะฟังว่าจำเลยยังโกรธอยู่แต่ต่อมาพยานโจทก์ก็ว่าจำเลยกลับมาขอโทษขอโพยและปรับความเข้าใจกันดีแล้วและจำเลยก็ลากลับไปโดยดี ไม่ได้มีเรื่องโต้เถียงหรือขัดใจกันอีก เหตุไฉนจำเลยจะกลับไปคุมแค้นโกรธเคืองผู้เสียหายขึ้นมาอีกในภายหลัง เพราะหลังจากนั้นจำเลยกับผู้เสียหายไม่ได้พูดจาอะไรกันอีกเลยจนเกิดเรื่องนี้ปรากฏว่าในตอนที่จะเกิดเหตุ นายโทนได้ลงจากเรือนมาบอกผู้เสียหายว่าอย่าขึ้นไปบนเรือน จำเลยกำลังจะเอาเรื่อง จำเลยก็ออกมาที่นอกชานทันทีผู้เสียหายเบิกความตอนนี้ว่า จำเลยออกมาจากในตัวบ้านถึงนอกชานพร้อมกับยกปืนลูกซองยาว พานท้ายปืนเตรียมจะประทับบ่า นางอ่อนภริยานายโทนวิ่งเข้ามาแย่งปืนไปเสียได้ และปรากฏว่าในขณะนั้น จำเลยก็ยังไม่ได้ขึ้นนกปืนอีกด้วย ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยเพียงเตรียมจะประทับบ่านางอ่อนก็เข้ามาแย่งปืนไปเสีย ถ้าจำเลยประสงค์จะยิงผู้เสียหายจริง ๆ ไหนเลยนางอ่อนซึ่งเป็นสตรีจะมาแย่งปืนไปจากจำเลยซึ่งเป็นชายวัย ๓๔ ปีอย่างไรได้ การที่จำเลยไม่ขึ้นนกปืนก็ดี และการที่ปล่อยให้นางอ่อนแย่งปืนไปโดยดีก็ดี และการที่ยังไม่ได้อยู่ในท่าเตรียมพร้อมที่จะยิงได้ก็ดี ทั้งในขณะนั้นจำเลยก็ยังคงมึนเมาอยู่เช่นนี้ น่าจะเป็นเพียงจำเลยขู่หรือทำท่าไปอย่างนั้นเอง หาได้มีเจตนาที่จะยิงผู้เสียหายจริงจังไม่ ข้อเท็จจริงในคดียังเป็นที่สงสัยอยู่ จึงควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาที่โจทก์อ้างมานั้นรูปคดีไม่ตรงกับคดีนี้ เพราะในคดีนั้นจำเลยมีเจตนายิงตำรวจเพียงแต่นกปืนยังไม่ทันขึ้น ตำรวจก็เข้ามาแย่งปืนไปได้จากจำเลย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
จึงพิพากษายืน ให้ยกฎีกาของโจทก์เสีย

Share