คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 515/2560

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ทั้งสองไม่มาดูแลเอาใจใส่ผู้เยาว์ ไม่ช่วยค่าอุปการะเลี้ยงดู และไม่มาเยี่ยมผู้เยาว์ตามสมควร ทำให้ผู้เยาว์แม้รู้ว่าโจทก์ทั้งสองเป็นบิดามารดาแต่ไม่รู้สึกว่ามีความสัมพันธ์อบอุ่นใกล้ชิด ตรงกันข้ามกลับหวาดกลัวที่จะต้องไปอาศัยอยู่กับโจทก์ทั้งสอง ยิ่งกว่านั้นการที่โจทก์ที่ 2 ใช้กำลังหักหาญแย่งชิงตัวผู้เยาว์ ทำให้ผู้เยาว์ตกใจหวาดกลัว เครียดและวิตกหากจะต้องไปอยู่กับโจทก์ทั้งสอง อาการผิดปกติทางจิตใจแสดงออกให้เห็นได้ทางพฤติกรรม มีโอกาสที่จะพัฒนาไปสู่โรคทางจิตเวช จำเป็นต้องจัดการแก้ไขให้สภาพการใช้ชีวิตของผู้เยาว์กลับสู่สภาวะปกติ โดยให้ผู้เยาว์ได้อยู่อาศัยในที่ที่เหมาะสมการกระทำดังกล่าวของโจทก์ทั้งสองเป็นการใช้อำนาจปกครองเกี่ยวกับตัวผู้เยาว์โดยมิชอบ แม้ญาติของผู้เยาว์หรืออัยการไม่ได้ร้องขอ ศาลมีอำนาจถอนอำนาจปกครองบางส่วนของโจทก์ทั้งสองได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1582 วรรคหนึ่ง เมื่อพิจารณาถึงความผาสุกของผู้เยาว์แล้ว จึงเห็นสมควรให้ถอนอำนาจปกครองของโจทก์ทั้งสองเฉพาะที่เกี่ยวกับการกำหนดที่อยู่อาศัยของผู้เยาว์ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1567 (1) และตั้งจำเลยทั้งสองเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ในส่วนที่เกี่ยวกับการกำหนดที่อยู่อาศัยของผู้เยาว์ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1585 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันส่งมอบผู้เยาว์คืนแก่โจทก์ทั้งสอง หากไม่ยอมส่งมอบผู้เยาว์คืนแก่โจทก์ทั้งสอง ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสองแทน ห้ามมิให้จำเลยทั้งสองเกี่ยวข้องใด ๆ กับผู้เยาว์นับแต่ส่งมอบผู้เยาว์คืนแก่โจทก์ทั้งสองหรือโจทก์ทั้งสองได้รับผู้เยาว์คืน
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ก่อนสืบพยานโจทก์ทั้งสอง คู่ความทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันได้ โดยขอทดลองปฏิบัติต่อกันเป็นเวลา 2 ปี ตามรายละเอียดในสัญญาประนีประนอมยอมความฉบับลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2555 ที่เสนอต่อศาลชั้นต้น แล้วขอให้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาด หากคู่ความปฏิบัติผิดเงื่อนไข ก็จะได้ขอให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ต่อไป ศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีชั่วคราว ต่อมาโจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ และนัดสืบพยานโจทก์ทั้งสองและจำเลยทั้งสอง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองส่งคืนเด็กหญิง ป. ผู้เยาว์แก่โจทก์ทั้งสอง คำขออื่นของโจทก์ทั้งสองให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสอง ให้ถอนอำนาจปกครองของโจทก์ทั้งสองที่มีต่อเด็กหญิง ป. ผู้เยาว์ และให้ตั้งจำเลยทั้งสองเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า โจทก์ทั้งสองเป็นสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 1 เป็นอาของโจทก์ที่ 2 โดยเป็นน้องสาวร่วมบิดามารดาเดียวกันกับนาย ศ. บิดาของโจทก์ที่ 2 ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นสามีโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 1 และไม่มีบุตรด้วยกัน โจทก์ทั้งสองมีบุตรด้วยกัน 3 คน คือ เด็กหญิง ภ. เด็กหญิง ป. และเด็กหญิง จ. หลังจากโจทก์ที่ 2 คลอดผู้เยาว์ประมาณ 45 วัน ได้มอบผู้เยาว์ให้นาง ศ. ย่าของโจทก์ที่ 2 เป็น ผู้เลี้ยงดู จำเลยทั้งสองรับนาง ศ. และผู้เยาว์ไปอยู่ด้วยที่จังหวัดชลบุรีตั้งแต่ผู้เยาว์อายุ 2 ถึง 3 เดือน แล้วจำเลยทั้งสองเป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์นับแต่บัดนั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งสองว่า สมควรถอนอำนาจปกครองของโจทก์ทั้งสองและตั้งจำเลยทั้งสองเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์หรือไม่ เห็นว่า เมื่อผู้เยาว์เกิดยังเป็นทารก อายุ 45 วัน โจทก์ทั้งสองมีปัญหาไม่สามารถอุปการะเลี้ยงดูต้องนำผู้เยาว์ไปมอบให้ย่าอุปการะเลี้ยงดูแทน แต่ย่าอายุมากไม่สามารถอุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์เอง จำเลยทั้งสองมารับตัวผู้เยาว์พร้อมย่าไปอุปการะเลี้ยงดูในวันที่โจทก์ทั้งสองนำผู้เยาว์มามอบให้ย่านั้นเอง แสดงว่าโจทก์ทั้งสองยินยอมให้จำเลยทั้งสองอุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยทั้งสองอุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์อย่างดี มีพัฒนาการสุขภาพร่างกายและจิตใจสมควรตามวัย โจทก์ทั้งสองไม่ใคร่ได้ไปเยี่ยมผู้เยาว์และไม่ได้ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายแก่จำเลยทั้งสอง ครั้นผู้เยาว์ใกล้จะต้องเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โจทก์ทั้งสองไปขอรับผู้เยาว์มาอุปการะเลี้ยงดูเอง แต่ผู้เยาว์ก็โตพอที่จะรู้ความและเคยชินกับสภาพแวดล้อมและความรัก ความเอาใจใส่ของจำเลยทั้งสองเสียแล้ว ทั้งไม่แน่ใจในความรักของโจทก์ทั้งสอง ปรากฏตามรายงานแสดงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับครอบครัวที่ผู้เยาว์มีผลประโยชน์หรือส่วนได้เสียของพนักงานคุมประพฤติ ฉบับลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2556 ต่อมาวันที่ 4 มีนาคม 2555 โจทก์ที่ 2 แสดงอาการแย่งชิงตัวผู้เยาว์ ทำให้ผู้เยาว์มีอาการผิดปกติทางจิตใจ ซึ่งจิตแพทย์ตรวจ 2 ครั้ง ครั้งแรกวันที่ 10 มีนาคม 2555 จิตแพทย์รายงานว่า ผู้เยาว์มีความหวาดกลัว อารมณ์สับสน และกังวลเรื่องความปลอดภัยและพลัดพรากจากครอบครัวที่เลี้ยงดู ครั้งที่ 2 วันที่ 22 เมษายน 2555 จิตแพทย์รายงานว่า ผู้เยาว์ถูกกระทบทางจิตใจจากเหตุการณ์ที่มารดาผู้ให้กำเนิดใช้ความรุนแรงกับผู้เยาว์ อาจมีโอกาสที่จะพัฒนาไปเป็นโรคทางจิตเวช ทั้งสองครั้งจิตแพทย์แนะนำว่าควรดำเนินการเรื่องความปลอดภัยในการใช้ชีวิตและจัดการใช้ชีวิตให้เข้าสู่สภาพปกติโดยเร็วที่สุด ตามใบรับรองแพทย์ จิตแพทย์ที่ตรวจผู้เยาว์และจัดทำใบรับรองแพทย์มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมเลขที่ 27240 ตามจรรยาบรรณวิชาชีพหากไม่ใช่แพทย์เฉพาะทางย่อมไม่อาจจัดทำใบรับรองแพทย์ลักษณะดังกล่าวนี้ได้ นอกจากนั้นเมื่อโจทก์ทั้งสองกับจำเลยทั้งสองทำสัญญาประนีประยอมยอมความ ฉบับลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2555 ให้ผู้เยาว์ทดลองไปอยู่กับโจทก์ทั้งสองในวันหยุด กลับปรากฏว่าก่อนถึงวันหยุดผู้เยาว์มีอาการนอนร้องไห้และนอนกัดฟัน ดังนั้น การที่โจทก์ทั้งสองไม่ได้มาดูแลเอาใจใส่ผู้เยาว์ ไม่ช่วยค่าอุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์ และไม่มาเยี่ยมผู้เยาว์ตามสมควร ทำให้ผู้เยาว์แม้รู้ว่าโจทก์ทั้งสองเป็นบิดามารดา แต่ไม่รู้สึกว่ามีความสัมพันธ์อบอุ่นใกล้ชิด ตรงกันข้ามกลับหวาดกลัวที่จะต้องไปอาศัยอยู่กับโจทก์ทั้งสอง ยิ่งกว่านั้นการที่โจทก์ที่ 2 ใช้กำลังหักหาญแย่งชิงตัวผู้เยาว์ ทำให้ผู้เยาว์ตกใจหวาดกลัว เครียดและวิตกหากจะต้องไปอยู่กับโจทก์ทั้งสอง อาการผิดปกติทางจิตใจแสดงออกให้เห็นได้ทางพฤติกรรม มีโอกาสที่จะพัฒนาไปสู่โรคทางจิตเวช จำเป็นต้องจัดการแก้ไขให้สภาพการใช้ชีวิตของผู้เยาว์กลับสู่สภาวะปกติ โดยให้ผู้เยาว์ได้อยู่อาศัยในที่ที่เหมาะสม การกระทำดังกล่าวของโจทก์ทั้งสองเป็นการใช้อำนาจปกครองเกี่ยวกับตัวผู้เยาว์โดยมิชอบ แม้ญาติของผู้เยาว์หรืออัยการไม่ได้ร้องขอ ศาลมีอำนาจถอนอำนาจปกครองบางส่วนของโจทก์ทั้งสองได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1582 วรรคหนึ่ง ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาถึงความผาสุกของผู้เยาว์แล้ว จึงเห็นสมควรให้ถอนอำนาจปกครองของโจทก์ทั้งสองเฉพาะที่เกี่ยวกับการกำหนดที่อยู่อาศัยของผู้เยาว์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1567 (1) และตั้งจำเลยทั้งสองเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ในส่วนที่เกี่ยวกับการกำหนดที่อยู่อาศัยของผู้เยาว์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1585 วรรคหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยบางส่วน ฎีกาของโจทก์ทั้งสองฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนอำนาจปกครองของโจทก์ทั้งสองเฉพาะที่เกี่ยวกับการกำหนดที่อยู่อาศัยของผู้เยาว์ และตั้งจำเลยทั้งสองเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ในส่วนที่เกี่ยวกับการกำหนดที่อยู่อาศัยของผู้เยาว์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share