คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10346/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนรถยนต์ที่เช่าซื้อแก่โจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนเป็นการกำหนดให้จำเลยทั้งสองทำการชำระหนี้ทีละอย่างก่อนหลังตามลำดับ ไม่ใช่การอันมีกำหนดพึงกระทำเพื่อชำระหนี้หลายอย่างอันจะพึงเลือกได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 198 ดังนั้น หนี้ตามคำพิพากษาที่จำเลยทั้งสองจะต้องกระทำก่อนจึงเป็นหนี้ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืน อันแสดงว่าโจทก์ยังคงมีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ที่เช่าซื้อและมีสิทธิติดตามเอาคืนเมื่อรถยนต์ที่เช่าซื้อยังมีอยู่ อีกทั้งโจทก์สามารถบังคับให้จำเลยทั้งสองคืนรถยนต์ที่เช่าซื้อได้ กรณีไม่แน่นอนว่าหนี้ที่จะบังคับให้ใช้ราคาแทนการส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อจะมีหรือไม่ จึงเป็นหนี้ที่ไม่อาจกำหนดได้โดยแน่นอน ดังนั้นจึงไม่กำหนดดอกเบี้ยในส่วนของราคารถใช้แทนให้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี หากส่งคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาเป็นเงิน 233,190 บาท และค่าเสียหายเป็นค่าขาดประโยชน์จากการใช้ทรัพย์ จำนวน 60,000 บาท ค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระจำนวน 15,546 บาท รวมเป็นเงิน 308,736 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 18.25 ต่อปี กับให้ร่วมกันชำระค่าขาดประโยชน์อีกเดือนละ 5,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนหรือใช้ราคาแก่โจทก์เสร็จสิ้น
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในชั้นฎีการับฟังเป็นยุติได้ว่า จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อเป็นผู้เช่าซื้อในสัญญาเช่าซื้อลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2550 เช่าซื้อรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ในราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 248,736 บาท โดยแยกเป็นเงินลงทุน 183,019 บาท ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 6.75 ต่อปี ผ่อนชำระเดือนละ 5,182 บาท รวม 48 งวด เริ่มชำระงวดแรกวันที่ 9 มีนาคม 2550 และภายในวันที่ 9 ของเดือนถัดไปจนกว่าจะชำระเสร็จ จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อในสัญญาค้ำประกันซึ่งระบุให้รับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยทั้งสองจะต้องร่วมกันคืนรถยนต์ที่เช่าซื้อและชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์หรือไม่ เพียงใด เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแก่จำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยที่ 1 ก็ต้องส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์ หากคืนไม่ได้ต้องชดใช้ราคา แต่ที่โจทก์ขอให้ใช้ราคาเป็นเงิน 233,190 บาท โดยคิดเทียบจากราคาค่าเช่าซื้อรวมกับค่าภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น เห็นว่า ราคาค่าเช่าซื้อเป็นราคารถที่แท้จริงรวมกับค่าเช่าตลอดระยะเวลาที่โจทก์ตกลงให้จำเลยที่ 1 แบ่งชำระค่าเช่าซื้อ ลำพังราคารถอย่างเดียวย่อมน้อยกว่านั้น ทั้งรถยนต์ที่เช่าซื้อเป็นรถที่ใช้งานมานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยสภาพย่อมเสื่อมราคาลงไปแม้ด้วยการใช้งานตามปกติ หากกำหนดราคารถใช้แทนให้โจทก์เท่ากับจำนวนค่าเช่าซื้อรวมภาษีมูลค่าเพิ่มที่ค้างชำระ ย่อมมีผลเท่ากับให้โจทก์ได้รับค่าเช่าซื้อเต็มตามสัญญาโดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ที่เช่าซื้อ เนื่องจากสัญญาเช่าซื้อเลิกกันแล้ว เมื่อคำนึงถึงราคารถที่แท้จริงขณะโจทก์นำออกให้จำเลยที่ 1 เช่าซื้อ ค่าเสื่อมราคารถ ประกอบราคารถที่จำเลยที่ 1 ชำระแก่โจทก์ไปแล้ว เห็นสมควรกำหนดให้ 150,000 บาท ส่วนที่โจทก์ขอดอกเบี้ยของราคารถใช้แทนนั้น เห็นว่า ศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 1 คืนรถยนต์ที่เช่าซื้อแก่โจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนเป็นการกำหนดให้จำเลยที่ 1 ทำการชำระหนี้ทีละอย่างก่อนหลังตามลำดับ ไม่ใช่การอันมีกำหนดพึงกระทำเพื่อชำระหนี้หลายอย่างอันจะพึงเลือกได้ ดังนั้น หนี้ตามคำพิพากษาส่วนนี้ที่จำเลยที่ 1 จะต้องกระทำก่อนจึงเป็นหนี้ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืน อันแสดงว่าโจทก์ยังคงมีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ที่เช่าซื้อและมีสิทธิติดตามเอาคืน เมื่อรถยนต์ที่เช่าซื้อยังมีอยู่ อีกทั้งโจทก์สามารถบังคับให้จำเลยที่ 1 คืนรถยนต์ที่เช่าซื้อได้ จึงไม่แน่นอนว่าหนี้ที่จะบังคับให้ใช้ราคาแทนการส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อจะมีหรือไม่ จึงเป็นหนี้ที่ไม่อาจกำหนดได้โดยแน่นอน จึงไม่กำหนดดอกเบี้ยในส่วนของราคารถใช้แทนให้
พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า หมายเลขทะเบียน กธ 3028 สงขลา หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาเป็นเงิน 150,000 บาท กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหาย 48,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และต่อไปอีกเดือนละ 4,000 บาท จนกว่าจำเลยทั้งสองจะส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์ แต่ค่าเสียหายส่วนนี้ไม่ให้เกิน 2 ปี นับแต่วันฟ้อง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ

Share