คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6509/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อขณะที่ศาลจังหวัดชลบุรีได้พิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ ท. กับจำเลยตกลงกันว่า จำเลยจะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 11852 เนื้อที่ 3 ไร่ ให้แก่ ท. นั้น ท. กับโจทก์เป็นสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้ ท. จะถึงแก่ความตายไปก่อนที่จะถึงกำหนดจดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์ตามข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความและปัจจุบันยังมิได้มีการจดทะเบียนการได้มาซึ่งที่ดินตามสัญญาประนีประนอมยอมความกับพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ตาม แต่ก็ไม่ทำให้สิทธิของ ท. ที่จะได้รับที่ดินตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งมีอยู่ก่อนแล้วต้องสูญสิ้นไป และสิทธิที่จะบังคับคดีเอาแก่ที่ดินตามคำพิพากษาตามยอมเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งที่ ท. กับโจทก์ได้มาในระหว่างสมรส จึงเป็นสินสมรสตาม ป.พ.พ. มาตรา 1474 (1) ซึ่งย่อมมีผลทำให้ที่ดินโฉนดเลขที่ 11852 เนื้อที่ 3 ไร่ ที่ ท. จะได้รับตามสิทธินั้นตกเป็นสินสมรสระหว่าง ท. กับโจทก์ด้วยเช่นเดียวกัน โจทก์จึงมีส่วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกับ ท. ในที่ดินดังกล่าวคนละครึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยแบ่งที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 11852 ตำบลหนองบอนแดง อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ส่วนที่เป็นสินสมรสของโจทก์เนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน และมรดกของโจทก์ เนื้อที่ 100 ตารางวา แก่โจทก์ หากจำเลยไม่ดำเนินการให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย และการแบ่งที่ดิน หากไม่อาจทำได้ขอให้สั่งให้นำที่ดินดังกล่าวออกขายโดยประมูลราคากันระหว่างทายาท และหากไม่สามารถขายโดยประมูลราคากันระหว่างทายาทได้ขอให้นำที่ดินดังกล่าวออกขายทอดตลาดและนำเงินที่ขายได้มาแบ่งให้โจทก์ตามส่วนของโจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ให้จำเลยแบ่งที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 11852 ตำบลหนองบอนแดง อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ 3 ไร่ ในฐานะเป็นสินสมรสให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง และแบ่งที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ในฐานะทายาทโดยธรรมของนายทองกิ้วอีก 1 ใน 11 ส่วน ของที่ดินที่เป็นมรดกของนายทองกิ้ว หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย โดยให้โจทก์เป็นผู้ชำระค่าใช้จ่ายในการรังวัดแบ่งแยกและโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในส่วนของโจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยแบ่งที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 11852 ตำบลหนองบอนแดง อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ 3 ไร่ ให้แก่โจทก์ 1 ใน 11 ส่วน หากการแบ่งไม่อาจตกลงกันได้ก็ให้ขายที่ดินดังกล่าวโดยประมูลราคากันระหว่างทายาทดังกล่าว ถ้าไม่อาจขายโดยประมูลราคาดังกล่าวก็ให้ขายทอดตลาดเอาเงินสุทธิที่ได้มาแบ่งให้โจทก์ตามส่วน สำหรับค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังว่า เมื่อปี 2550 นายทองกิ้ว ยกกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 11852 ตำบลหนองบอนแดง อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ 12 ไร่เศษ ให้แก่จำเลยซึ่งเป็นบุตร หลังจากนั้นโจทก์จดทะเบียนสมรสกับนายทองกิ้ว ต่อมานายทองกิ้วฟ้องจำเลยขอเพิกถอนการให้ที่ดินโฉนดดังกล่าว ระหว่างพิจารณามีการตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า จำเลยตกลงจะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน เนื้อที่ 3 ไร่ ให้แก่นายทองกิ้วภายในวันที่ 29 ตุลาคม 2552 โดยให้ที่ดินที่โอนติดต่อกับที่ดินโฉนดเลขที่ 36164 ตำบลหนองบอนแดง อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ค่าฤชาธรรมเนียมในการจดทะเบียนโอนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการขอรังวัด นายทองกิ้วเป็นผู้ชำระแต่ผู้เดียว หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือคำพิพากษาตามยอมแทนการแสดงเจตนาและศาลได้พิพากษาตามยอมเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2551 ต่อมานายทองกิ้ว ถึงแก่ความตาย และยังไม่มีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ใส่ชื่อนายทองกิ้วในโฉนดที่ดิน นายทองกิ้วมีบุตรกับภริยาคนก่อนรวม 10 คน
มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 11852 เนื้อที่ 3 ไร่ ที่นายทองกิ้วมีสิทธิได้รับตามสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมเป็นสินสมรสของนายทองกิ้วกับโจทก์หรือไม่ เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่า ขณะที่นายทองกิ้วกับจำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน และศาลจังหวัดชลบุรีพิพากษาตามยอมเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2551 นายทองกิ้วกับโจทก์เป็นสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้นายทองกิ้วจะถึงแก่ความตายไปก่อนที่จะถึงกำหนดจดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์ตามข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความ และปัจจุบันยังมิได้มีการจดทะเบียนการได้มาซึ่งที่ดินตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวกับพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ตาม แต่ก็ไม่ทำให้สิทธิของนายทองกิ้วที่จะได้รับที่ดินตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวซึ่งมีอยู่ก่อนแล้วต้องสูญสิ้นไป และสิทธิที่จะบังคับคดีเอาแก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 11852 เนื้อที่ 3 ไร่ ตามคำพิพากษาตามยอมเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งที่นายทองกิ้วกับโจทก์ได้มาในระหว่างสมรส จึงเป็นสินสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1474 (1) ซึ่งย่อมมีผลทำให้ที่ดินโฉนดเลขที่ 11852 เนื้อที่ 3 ไร่ ที่นายทองกิ้วจะได้รับตามสิทธินั้น ตกเป็นสินสมรสระหว่างนายทองกิ้วกับโจทก์ด้วยเช่นเดียวกัน โจทก์จึงมีส่วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกับนายทองกิ้วคนละครึ่ง และเมื่อนายทองกิ้วถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2552 ก่อนถึงกำหนดการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ที่ดินโฉนดเลขที่ 11852 เนื้อที่ 3 ไร่ จำนวนครึ่งหนึ่งจึงเป็นมรดกของนายทองกิ้วตกทอดแก่ทายาทของนายทองกิ้ว รวมทั้งโจทก์ด้วยจำนวน 11 คน โจทก์จึงมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งที่ดินโฉนดเลขที่ 11852 อันเป็นมรดกของนายทองกิ้วอีกจำนวน 1 ใน 11 ส่วน ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ฟังว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 11852 เนื้อที่ 3 ไร่ ตามสัญญาประนีประนอมยอมความไม่ใช่สินสมรสระหว่างนายทองกิ้วกับโจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยแบ่งที่ดินโฉนดเลขที่ 11852 ตำบลหนองบอนแดง อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ 3 ไร่ ตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง และให้แบ่งที่ดินส่วนที่เหลืออีกกึ่งหนึ่งซึ่งเป็นทรัพย์มรดกของนายทองกิ้วให้แก่โจทก์อีก 1 ใน 11 ส่วน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share