แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่คู่ความตกลงกันเกี่ยวกับการที่จำดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปอย่างไร ก็ย่อมมีผลบังคับได้
เมื่อโจทก์มิได้คัดค้านข้อที่ว่า “การท้านประเด็นจะต้องทำต่อหน้าคู่ความ” มาเสียแต่ชั้นต้นแล้วจะมากล่าว้างในชั้นฎีกาหาได้ไม่.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์กับนายสัมพันธ์พี่ชายได้รับมรดกที่นาจากบิดามารดา ๑ แปลงต่อมาได้มอบให้นายพรมและจำเลยอาศัยทำกิน ปีนี้จำเลยฟ้องหาว่านายพรมบุกรุกที่พิพาทอ้างว่าเป็นของจำเลย จึงขอให้ขับไล่ จำเลยต่อสู้ว่าซื้อนาจากบิดาโจทก์ซึ่งเป็นน้องเขตและรับโจทก์กับพี่ชายมาเลี้ยง พอจำเลยป่วยโจทก์ลักสัญญาซื้อขายนาไปแล้วนายพรมบุกรุกเข้าทำนาพิพาท
วันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์ยื่นคำร้องและแถลงว่าโจทก์ป่วยหนักมาศาลไม่ได้ จำเลยค้านว่าไม่ป่วย จึงท้าประเด็นกันให้นายแพทย์ไปตรวจถ้าแพทย์เบิกความสมข้างใด ฝ่ายนั้นชนะคดี
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าแพทย์เบิกความสมโจทก์พิพากษาว่าที่นาพิพาทเป็นของโจทก์กับนายสัมพันธ์ ให้ขัลไล่จำเลย
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาในข้อ ก.ม. ว่าคำท้าของคู่ความไม่เป็นประเด็นแห่งคดี และการท้าประเด็นนี้ต้องทำต่อหน้าคู่ความทนายจำทำแทนไม่ได้
ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์จำเลยตกลงกันเกี่ยวกับการที่จะดำเนินกระบวนการพิจารณาต่อไปอย่างไร จึงมีผลบังคับได้ ส่วนข้อที่ว่าการท้าการนำสืบจะต้องทำต่อหน้าคู่ความทนายทำแทนไม่ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ไม่คัดค้านข้อนี้มาแต่ต้นจะมายกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกาหาได้ไม่
พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง.