คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5141/2549

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องในส่วนที่เกี่ยวกับค่าเสียหายอันเนื่องมาจากจำเลยผิดสัญญาจะขายที่ดินให้แก่โจทก์เพียงว่า การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์เสียหายไม่น้อยกว่า 500,000 บาท โดยมิได้บอกว่าเสียหายอย่างไรบ้าง จำนวนค่าเสียหายที่แท้จริงเท่าใด คำฟ้องของโจทก์จึงไม่ชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหา เป็นฟ้องที่เคลือบคลุมตาม ป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด มีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2535 โจทก์และจำเลยทั้งสองทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินโฉนดเลขที่ 49688 และเลขที่ 67216 ตำบลทวีวัฒนา (บางพรม) อำเภอตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร ราคา 33,500,000 บาท โดยจำเลยทั้งสองจะต้องปลดเปลื้องภาระผูกพันใด ๆ เหนือที่ดินที่มีอยู่ก่อนหรือขณะทำสัญญา หลังจากทำสัญญาแล้วโจทก์เข้าไปถมที่ดินและปลูกเรือนพักคนงาน แต่ไม่สามารถดำเนินการได้โดยตลอดเนื่องจากมีบ้านซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินพิพาทจำนวน 3 หลัง ไม่ยอมรื้อถอนย้ายออกไป โจทก์แจ้งให้จำเลยทั้งสองทราบแล้ว แต่จำเลยทั้งสองมิได้ดำเนินการใด ๆ เมื่อครบกำหนดตามสัญญาแล้ว จำเลยทั้งสองมิได้ปลดเปลื้องภาระผูกพันเหนือที่ดินพิพาท จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาและไม่มีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาท หลังจากนั้นโจทก์ยังได้ชำระราคาให้แก่จำเลยทั้งสองอีกรวมเป็นเงิน 11,000,000 บาทเศษ และตกลงแก้ไขสัญญากันใหม่ แต่จำเลยทั้งสองก็ยังมิได้ปลดเปลื้องภาระผูกพันเหนือที่ดินพิพาทแต่อย่างใด ครั้นปี 2542 กรุงเทพมหานครจะเปิดดำเนินการตลาดนัดสนามหลวงแห่งที่ 2 ใกล้เคียงกับที่ดินพิพาท โจทก์เขียนแบบก่อสร้างตลาดและลานจอดรถยนต์ แต่จำเลยทั้งสองขัดขวางไม่ให้โจทก์เข้าไปพัฒนาที่ดินพิพาทและบอกเลิกสัญญาไม่ขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ ซึ่งเป็นการผิดสัญญา ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นเงินค่าดำเนินการไม่น้อยกว่า 500,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับที่ดินโฉนดเลขที่ 49688 และเลขที่ 67216 ตำบลทวีวัฒนา (บางพรม) อำเภอตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร และยินยอมให้โจทก์เข้าไปพัฒนาที่ดินด้วยการปลูกสร้างอาคารตลาดและลานจอดรถยนต์ หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาแทนจำเลยทั้งสอง ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินค่าเสียหายจำนวน 500,000 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การว่า ฟ้องโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับค่าเสียหายเป็นฟ้องเคลือบคลุม โจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย ถ้าเสียหายก็ไม่เกิน 5,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยทั้งสอง โดยกำหนดค่าทนายความให้ 15,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ฎีกาประการต่อไปที่ว่า ฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับเรื่องค่าเสียหายนั้น โจทก์ได้บรรยายฟ้องครบถ้วนแล้วไม่เคลือบคลุม เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง บัญญัติว่า “คำฟ้องต้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น” ซึ่งตามคำฟ้องโจทก์นั้นบรรยายเพียงว่า การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์เสียหายไม่น้อยกว่า 500,000 บาท โดยมิได้บอกว่าเสียหายอย่างไรบ้าง จำนวนค่าเสียหายที่แท้จริงเท่าใด คำฟ้องของโจทก์จึงไม่ชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม ตามมาตรา 172 วรรคสอง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ทุกข้อฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share