คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2218/2549

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาตาม ป.วิ.พ. ภาค 4 ลักษณะ 1 เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาคดีนี้แล้ว คดีนี้จึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาต่อไป

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์บรรทุกจำนวน 5 คัน กับโจทก์ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน ต่อมาจำเลยที่ 1 ผิดสัญญา โจทก์บอกเลิกสัญญาแล้ว ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อและใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าไม่ได้ผิดสัญญา สัญญาเช่าซื้อยังไม่เลิกกัน จำเลยที่ 1 ชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาโดยให้โจทก์คืนรถยนต์บรรทุกพิพาทจำนวน 1 คัน ที่โจทก์ยึดคืนไป ให้อยู่ในความครอบครองของจำเลยทั้งสอง และห้ามโจทก์เกี่ยวข้องกับรถยนต์บรรทุกพิพาทอีก 4 คัน ศาลชั้นต้นงดไต่สวนและมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า คำร้องของจำเลยทั้งสองเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ภาค 4 ลักษณะ 1 เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นที่ยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาคดีนี้แล้ว คดีจึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาของจำเลยทั้งสองเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาต่อไป
ให้จำหน่ายคดีจากสารบบความของศาลฎีกา ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share