คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 190/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญากู้เงินโจทก์ 2,500 บาท จำเลยรับว่าทำสัญญากู้จริง เนื่องจากโจทก์ตกลงจ้างเหมาจำเลยเจาะน้ำบาดาลเป็นเงิน 3,300 บาท จำเลยจึงทำหนังสือกู้เงินโจทก์ 2,500 บาท เป็นเงินล่วงหน้าเพื่อซื้ออุปกรณ์ต่างๆ เมื่อจำเลยลงมือทำงานแล้วต่อมาจำเลยขอให้โจทก์ซื้อเครื่องสูบโยกอีกเป็นเงิน 1,500 บาท เมื่อรวมกับเงินที่จำเลยทำสัญญากู้จึงเป็น 4,000 บาทเงินรายนี้ เมื่อคิดหักกับค่าจ้าง 3,300 บาทแล้ว จำเลยยังคงรับผิดเพียง 700 บาท ดังนี้ จำเลยย่อมนำสืบพยานบุคคลได้ เพราะการนำสืบ ของจำเลยเป็นการนำสืบเพื่อแสดงว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์โดยเหตุใด อันเป็นการนำสืบถึงมูลหนี้ ไม่ได้เป็นการนำสืบแสดงว่าไม่ได้เป็นหนี้ และเป็นการนำสืบถึงว่าโจทก์ก็เป็นหนี้จำเลยในเรื่องโจทก์จ้างจำเลย เจาะน้ำบาดาล 3,300 บาท เมื่อได้หักหนี้กันแล้ว จำเลยยังคงเป็น หนี้โจทก์อยู่เพียง 700 บาท มิใช่เป็นการนำสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารแต่เป็นการนำสืบเพื่อแสดงว่าโจทก์จำเลยเป็นหนี้ต่อกันอย่างไร ได้มีการหักหนี้กันแล้วอย่างไร จำเลยยังคงเป็นหนี้โจทก์อยู่อีกเท่าใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไป 2,500 บาท รับเงินไปครบถ้วนแล้วสัญญาจะให้ดอกเบี้ยตามกฎหมาย จำเลยผิดนัดไม่ส่งดอกเบี้ยและต้นเงินคืน ขอให้ศาลบังคับ

จำเลยให้การว่า ทำหนังสือกู้ให้โจทก์จริง เนื่องจากโจทก์จ้างเหมาจำเลยให้เจาะน้ำบาดาลเป็นเงิน 3,300 บาท จำเลยรับเงินล่วงหน้าเป็นค่าอุปกรณ์ 2,500 บาท จากโจทก์ โจทก์ให้จำเลยทำสัญญากู้เมื่อจำเลยทำงานแล้ว ได้ขอให้โจทก์ซื้อเครื่องสูบน้ำอีกเป็นเงิน 1,500 บาท จึงรวมกับเงินที่รับล่วงหน้า 4,000 บาท เมื่อคิดหักกับค่าจ้างเหมาแล้ว จำเลยยังเป็นหนี้โจทก์อยู่ 700 บาท

ศาลชั้นต้นเชื่อว่าเป็นเรื่องจำเลยรับเหมาเจาะน้ำบาดาล พิพากษาให้จำเลยชำระเงินดอกเบี้ยในต้นเงิน 2,500 บาท ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีและให้จำเลยชำระเงินที่ค้าง 700 บาท กับดอกเบี้ย

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยจะนำสืบตามข้อต่อสู้ไม่ได้ พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ตามฟ้อง

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า การนำสืบของจำเลยเป็นการนำสืบเพื่อแสดงว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์โดยเหตุใดอันเป็นการนำสืบถึงมูลหนี้ ไม่ได้เป็นการนำสืบแสดงว่าไม่ได้เป็นหนี้ และเป็นการนำสืบถึงว่าโจทก์ก็เป็นหนี้จำเลยในเรื่องโจทก์จ้างจำเลยเจาะน้ำบาดาล 3,300 บาท เมื่อได้หักหนี้กันแล้ว จำเลยคงเป็นหนี้โจทก์อยู่เพียง 700 บาท การนำสืบของจำเลยมิใช่เป็นการนำสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสาร แต่เป็นการนำสืบเพื่อแสดงว่าโจทก์จำเลยเป็นหนี้ต่อกันอย่างไร และได้มีการหักหนี้กันแล้วอย่างไร จำเลยยังคงเป็นหนี้โจทก์อยู่อีกเท่าใดจำเลยย่อมนำพยานบุคคลมาสืบได้แต่ศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงที่คู่ความนำสืบ

พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่

Share