คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5136/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความนอกศาลกับโจทก์ บริษัท จ. อ. และ ช. แต่จำเลยผิดสัญญา จึงฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ฝ่ายโจทก์ซึ่งรวมถึงบริษัท จ. อ. และ ธ. เป็นฝ่ายผิดสัญญาและขอให้โจทก์ บริษัท จ. อ. และ ธ. ร่วมกันชำระเงินค่าเสียหายจากการผิดสัญญาให้แก่จำเลย ฟ้องแย้งของจำเลยย่อมก่อให้เกิดประเด็นข้อพิพาทว่า ฝ่ายโจทก์หรือจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเกี่ยวข้องกับคำฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ จึงควรรับฟ้องแย้งของจำเลยเพื่อรวมพิจารณาและพิพากษาเข้าด้วยกันกับคำฟ้องโจทก์ และเมื่อตามฟ้องแย้งจำเลยขอให้โจทก์ บริษัท จ. อ. และ ธ. ซึ่งร่วมกับโจทก์ทำสัญญากับจำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้แก่จำเลย จึงเห็นสมควรที่จะเรียกบุคคลดังกล่าวเข้ามาเป็นคู่ความในคดีร่วมกับโจทก์ตามคำร้องของจำเลย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 40,250,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องและบังคับโจทก์ บริษัททีเอสเอฟ แมเนจเม้นท์ จำกัด นายอรัญและนายธนัชพลร่วมกันคืนเงินที่จำเลยชำระไป 29,750,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันชำระรวมเป็น 33,295,547.95 บาท ให้แก่จำเลยและขอให้มีคำสั่งเรียกบริษัททีเอสเอฟ แมเนจเม้นท์ จำกัด นายอรัญและนายธนัชพลเข้ามาเป็นคู่ความในคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับเฉพาะคำให้การของจำเลย ส่วนคำฟ้องแย้งและคำร้องขอให้เรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นคู่ความนั้นไม่รับและยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวกับฟ้องเดิมหรือไม่ และสมควรเรียกบริษัททีเอสเอฟ แมเนจเม้นท์ จำกัด นายอรัญและนายธนัชพล เข้ามาเป็นคู่ความในคดีหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความนอกศาลกับโจทก์ บริษัทเจซีดี แมเนจเมนท์ จำกัด นายอรัญและนายธนัชพล แต่จำเลยผิดสัญญา จึงฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ ดังนั้นเมื่อจำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ฝ่ายโจทก์ซึ่งรวมถึงบริษัทเจซีดี แมเนจเมนท์ จำกัด นายอรัญและนายธนัชพลเป็นฝ่ายผิดสัญญาและขอให้โจทก์ บริษัททีเอสเอฟ แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นชื่อใหม่ของบริษัทเจซีดี แมเนจเม้นท์ จำกัด นายอรัญและนายธนัชพลร่วมกันชำระเงินค่าเสียหายจากการผิดสัญญาให้แก่จำเลย ดังนี้ฟ้องแย้งของจำเลยย่อมก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อพิพาทว่า ฝ่ายโจทก์หรือจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเกี่ยวข้องกับคำฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ จึงควรรับฟ้องแย้งของจำเลยเพื่อรวมพิจารณาและพิพากษาเข้าด้วยกันกับฟ้องโจทก์ และเมื่อตามฟ้องแย้งจำเลยขอให้โจทก์ บริษัททีเอสเอฟ แมเนจเม้นท์ จำกัด นายอรัญและนายธนัชพลซึ่งร่วมกับโจทก์ทำสัญญากับจำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้แก่จำเลย จึงเห็นสมควรที่จะเรียกบุคคลดังกล่าวเข้ามาเป็นคู่ความในคดีร่วมกับโจทก์ตามคำร้องของจำเลย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้รับฟ้องแย้งจำเลย และให้หมายเรียกบริษัททีเอสเอฟ แมเนจเม้นท์ จำกัด นายอรัญ และนายธนัชพล เข้ามาเป็นคู่ความในคดีร่วมกับโจทก์ แล้วให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ

Share