แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้พิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 ศาลได้สั่งยกคำร้องของจำเลยโดยเหตุว่าจำเลยได้มายื่นคำร้องเมื่อการพิจารณาคดีเสร็จแล้ว กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ มาตรา 205 ดังนี้ จำเลยร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 207 อีกได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลภาษีอากรกลางพิพากษาคดีในกรณีที่มีการพิจารณาโดยจำเลยขาดนัดพิจารณา ให้จำเลยชำระเงินค่าภาษีอากรขาเข้า ภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาล พร้อมเงินเพิ่มแด่โจทก์ทั้งสองตามฟ้อง
จำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๓๐ ขอให้พิจารณาคดีใหม่โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องคัดค้าน ศาลภาษีอากรกลางไต่สวนแล้วมีคำสั่งอนุญาตตามคำขอของจำเลย ให้ทำการพิจารณาคดีใหม่
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ว่าในวันนัดพิจารณาสืบพยานโจทก์วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๓๐ จำเลยได้ยื่นคำร้องเมื่อเวลา ๑๕ นาฬิกา ขอให้ศาลมีคำสั่งให้พิจารณาคดีใหม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๐๕ แล้ว จึงต้องห้ามมิให้ร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่อีกนั้น เห็นว่าจำเลยยื่นคำร้องฉบับแรกเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๓๐ เวลา ๑๕ นาฬิกา เป็นระยะเวลาซึ่งศาลภาษีอากรกลางพิจารณาคดีเสร็จแล้ว และศาลภาษีอากรกลางก็ได้สั่งยกคำร้องฉบับดังกล่าวของจำเลย เพราะเหตุมิใช่กรณีที่คู่ความฝ่ายที่ขาดนัดมาศาลภายหลังที่ได้เริ่มต้นสืบพยานไปบ้างแล้วดังที่มาตรา ๒๐๕ บัญญัติไว้ หากแต่จำเลยได้มายื่นคำร้องเมื่อการพิจารณาคดีเสร็จแล้ว กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๒๐๕ ดังกล่าว ดังนั้น จำเลยจึงไม่ต้องห้ามมิให้ร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ตามคำร้องขอลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๓๐
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ข้อต่อมาว่า ตามคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ จำเลยไม่ได้อ้างว่าทนายจำเลยลืมสำนวนคดีไว้ที่สำนักงานทนายความเพิ่งจะมากล่าวอ้างในชั้นไต่สวน แสดงให้เห็นเป็นพิรุธว่า ทนายจำเลยลืมวันนัดเพิ่งมานึกได้เมื่อเวลา ๑๕ นาฬิกา และจำเลยอ้างว่าในวันนัดเวลาประมาณ ๑๐ นาฬิกา ทนายจำเลยได้โทรศัพท์สอบถามมายังศาลภาษีอากรกลางทราบว่า ศาลได้มีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาไปแล้ว แต่ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้แจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่สามารถมาศาลตามกำหนดเวลาได้ให้ศาลทราบนั้น เห็นว่าตามทางไต่สวนจากพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายได้ความว่าในวันนัดวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๓๐ ได้มีการทำพิธีซ้อมสวนสนามที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า และทางราชการได้ปิดกั้นถนนบริเวณดังกล่าว นายพรชัย วรสายัณห์ ทนายจำเลยเบิกความยืนยันว่า พยานไม่ทราบมาก่อนว่าจะมีการปิดกั้นถนนบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เมื่อพยานขับรถยนต์จะมายังศาลภาษีอากรกลางผ่านทางถนนที่ถูกปิดกั้น เป็นเหตุให้รถยนต์ของพยานติดอยู่ที่บริเวณหน้าวิทยาลัยเทคโนโลยีวิทยาเขตพระนคร จนกระทั่งเวลาประมาณ ๑๐ นาฬิกาแม้ว่าทนายจำเลยจะต้องกลับไปเอาสำนวนคดีซึ่งลืมไว้ที่สำนักงานทนายความก่อนหากถนนไม่ถูกปิดกั้น ก็เป็นที่คาดหมายได้ว่าทนายจำเลยจะมาศาลได้ทันกำหนดเวลาที่จำเลยมิได้กล่าวข้อเท็จจริงนี้ไว้ในคำร้อง ก็ไม่เป็นพิรุธถึงกับทำให้รับฟังคำเบิกความของนายพรชัยทนายจำเลยไม่ได้ และการที่ทนายจำเลยมิได้โทรศัพท์แจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ ก็อาจเป็นเพราะว่าเวลานัดได้ล่วงเลยไปแล้ว และทนายจำเลยก็ตั้งใจจะยื่นคำร้องแสดงเหตุให้ศาลทราบในวันนั้นอยู่แล้ว จึงไม่เป็นเหตุที่จะฟังว่าทนายจำเลยจงใจขาดนัดพิจารณาดังที่โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ ศาลฎีกาเห็นว่ามีเหตุสมควรเชื่อว่า ทนายจำเลยไม่สามารถมาศาลได้ตามกำหนดนัด ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยจงใจขาดนัดพิจารณา
โจทก์อุทธรณ์ข้อสุดท้ายที่ว่า คำร้องของจำเลยมิได้กล่าวถึงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลภาษีอากรกลางนั้น ปรากฏว่าจำเลยได้กล่าวไว้ในคำร้องแล้วว่าคำตัดสินชี้ขาดของศาลไม่ชอบด้วยเหตุผลตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายโดยอ้างว่าข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้โอนสินค้าพิพาท ซึ่งได้รับการยกเว้นภาษีอากรให้แก่บุคคลภายนอกที่มิได้รับการยกเว้น อันเป็นเหตุให้จำเลยต้องเสียภาษีตามพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.๒๕๐๓ มาตรา ๑๐ และสินค้าพิพาทยังอยู่ในความครอบครองของกองทัพอากาศ เหตุการยกเว้นภาษีอากรยังไม่สิ้นสุดลง จำเลยจึงไม่ต้องเสียภาษีอากรตามฟ้อง ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อความในคำร้องของจำเลยเป็นการบรรยายเหตุผล และรายละเอียดชัดแจ้งตามสมควร เป็นการคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลภาษีอากรกลางซึ่งพิพากษาให้จำเลยเสียภาษีอากรแก่โจทก์ทั้งสองตามฟ้องแล้ว คำขอของจำเลยถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๗ และ ๒๐๘ แล้ว
พิพากษายืน