แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ แต่จำเลยอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลางในปัญหาที่มีการวินิจฉัยตามข้ออ้างตามคำฟ้องโจทก์ อันเป็นข้อที่ได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลภาษีอากรกลาง เป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 225 ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 29 จำเลยจึงมีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลางดังกล่าวได้ หามีบทกฎหมายห้ามแต่อย่างใด
จำเลยมีหนังสือขอรับโอนบัตรภาษีต่อโจทก์โดยมีข้อตกลงว่า ในกรณีเกิดการทุจริตในการรับเงินชดเชยค่าภาษีอากร และเกิดความเสียหายแก่โจทก์ไม่ว่ากรณีใด ๆ จำเลยยินยอมรับผิดต่อโจทก์ทุกประการ โดยไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ทั้งสิ้นข้อสัญญาดังกล่าวเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยว่า ในการขอรับโอนสิทธิตามบัตรภาษีรายพิพาท หากปรากฏว่าการขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรของผู้โอนสิทธิเกิดจากการทุจริต และความเสียหายเกิดแก่โจทก์ไม่ว่ากรณีใด ๆ จำเลยซึ่งเป็นผู้รับโอนต้องรับผิดต่อโจทก์ มิใช่เป็นความตกลงยกเว้นมิให้ลูกหนี้ต้องรับผิดเพื่อกลฉ้อฉลหรือความประมาทเมินเล่ออย่างร้ายแรงของตนอันเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 373 แต่เป็นข้อสัญญาอย่างหนึ่งซึ่งไม่มีกฎหมายห้าม จึงใช้บังคับได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนบัตรภาษีหรือใช้เงิน 946,291.61 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 563,883.82 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และโจทก์ยื่นคำร้องขอให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีโดยขาดนัด
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 942,291.61 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 563,883.82 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว สมควรวินิจฉัยปัญหาตามคำแก้อุทธรณ์ของโจทก์ก่อนว่าอุทธรณ์ของจำเลยไม่ได้โต้แย้งหรือคัดค้านคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง เป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และจำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การ อุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่สมควรได้รับการพิจารณาหรือไม่ โดยศาลภาษีอากรกลางฟังข้อเท็จจริงและวินิจฉัยว่า บริษัททักษิณเท็กซ์ไทล์ จำกัด กับจำเลยมีเจตนาหลอกลวงพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ให้ออกบัตรภาษีรายพิพาทแก่จำเลยและจำเลยได้ให้สัญญาแก่โจทก์โดยทำคำร้องขอรับโอนสิทธิตามบัตรภาษีต่อโจทก์ ในกรณีเกิดการทุจริตในการขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรและเกิดความเสียหายแก่โจทก์ไม่ว่ากรณีใด ๆ จำเลยยินยอมรับผิดต่อโจทก์ทุกประการโดยไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ จึงเป็นการตกลงล่วงหน้าระหว่างผู้แทนโจทก์กับจำเลย เป็นข้อยกเว้นไม่ให้โจทก์ต้องได้รับความเสียหายเพื่อกลฉ้อฉลหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของโจทก์หรือตัวแทนของโจทก์ จึงเป็นโมฆะ ใช้บังคับจำเลยไม่ได้ อุทธรณ์ของจำเลยดังกล่าวเป็นการโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลางในปัญหาตามข้ออ้างตามคำฟ้องโจทก์อันเป็นข้อที่ได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลภาษีอากรกลางเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมายตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 29 ซึ่งแม้จำเลยจะไม่ได้ยื่นคำให้การ จำเลยก็มีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง หามีบทกฎหมายห้ามแต่อย่างใดไม่
ปัญหาวินิจฉัยต่อไปตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า ข้อสัญญาที่จำเลยให้ไว้แก่โจทก์ตามคำร้องขอรับโอนสิทธิตามบัตรภาษีว่า ในกรณีเกิดการทุจริตในการขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรและเกิดความเสียหายแก่โจทก์ไม่ว่ากรณีใด ๆ จำเลยยินยอมรับผิดต่อโจทก์ทุกประการโดยไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ทั้งสิ้นเป็นโมฆะหรือไม่ และจำเลยต้องรับผิดใช้เงินตามมูลค่าบัตรภาษีรายพิพาทพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ตามฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรพิจารณาแล้ว เห็นว่า ข้อสัญญาดังกล่าวเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยว่า ในการขอรับโอนสิทธิตามบัตรภาษีรายพิพาท หากปรากฏว่าการขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรของผู้โอนสิทธิเกิดจากการทุจริตและเกิดความเสียหายแก่โจทก์ไม่ว่ากรณีใด ๆ จำเลยซึ่งเป็นผู้รับโอนยินยอมรับผิดต่อโจทก์โดยไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ กรณีมิใช่ความตกลงยกเว้นมิให้ลูกหนี้ต้องรับผิดเพื่อกลฉ้อฉลหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของตนอันเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 373 แต่เป็นข้อสัญญาอย่างหนึ่งซึ่งไม่มีกฎหมายบัญญัติห้าม จึงใช้บังคับได้ ไม่เป็นโมฆะ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า การที่โจทก์ออกบัตรภาษีรายพิพาทให้แก่จำเลยเกิดจากการทุจริตของบริษัททักษิณเท็กซ์ไทล์ จำกัด ผู้ขอโอนสิทธิให้แก่จำเลย และจำเลยนำบัตรภาษีรายพิพาทไปใช้ชำระค่าภาษีอากรหมดแล้ว จำเลยจึงต้องรับผิดใช้เงินตามมูลค่าบัตรภาษีรายพิพาทให้แก่โจทก์ตามข้อสัญญาที่จำเลยให้ไว้แก่โจทก์โดยมิพักต้องคำนึงว่าจำเลยได้รับโอนบัตรภาษีรายพิพาทมาโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน ตามบทกฎหมายเรื่องลาภมิควรได้หรือไม่ อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น อย่างไรก็ดี ความรับผิดของจำเลยตามฟ้องเป็นความรับผิดอันเกิดแต่สัญญา และเป็นหนี้ที่ไม่มีกำหนดเวลาชำระตามวันแห่งปฏิทิน จำเลยต้องรับผิดใช้ดอกเบี้ยเมื่อผิดนัดตาม ป.พ.พ. มาตรา 224 วรรคหนึ่ง ปรากฏตามเอกสารท้ายฟ้องโจทก์ว่า โจทก์มีหนังสือทวงถามให้จำเลยใช้เงินตามบัตรภาษีรายพิพาทแก่โจทก์ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือทวงถาม จำเลยได้รับหนังสือทวงถามวันที่ 23 มกราคม 2547 ครบกำหนดจำเลยชำระหนี้วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2547 จำเลยจึงตกเป็นผู้ผิดนัดและต้องรับผิดใช้ดอกเบี้ยให้แก่โจทก์นับแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2547 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่จำเลยได้รับบัตรภาษีรายพิพาทจากโจทก์ตามคำขอของโจทก์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรเห็นควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ 563,883.82 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2547 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันฟ้อง (วันที่ 2 กันยายน 2547) ให้จำเลยรับผิดไม่เกิน 378,407.79 บาท ตามที่โจทก์ขอ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ.