คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5111/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองร่วมกันประกอบโรคศิลปะ สาขาเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและร่วมกันประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตมีเจตนาบำบัดรักษาโรคให้แก่ น. ผู้ทำแท้ง เพื่อแสวงหาผลประโยชน์เป็นเงินค่ายาและค่าบริการทำแท้งจาก น. การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับใบอนุญาตมีเจตนาจัดสถานที่เพื่อการตรวจรักษาโรคโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับใบอนุญาตมีเจตนาเพื่อขายยาแผนปัจจุบัน และร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันจำพวกแอนติโปรเจสเตอโรนที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยามีเจตนาขายยาแผนปัจจุบันที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา การกระทำของจำเลยทั้งสองในความผิดทั้งสี่ฐานนี้ จึงเป็นการกระทำที่มีเจตนาแยกต่างหากจากกัน มิได้มีเจตนามุ่งประสงค์ต่อผลที่จะขายยาให้แก่ น. การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน แต่อย่างไรก็ตาม การร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับใบอนุญาตกับการร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันจำพวกแอนติโปรเจสเตอโรนที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยานั้น ปรากฏว่ายาแผนปัจจุบันจำพวกแอนติโปรเจสเตอโรนที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาเป็นจำนวนเดียวกันยาแผนปัจจุบันที่จำเลยทั้งสองร่วมกันขายโดยไม่ได้รับใบอนุญาต การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงมีเจตนาเดียวกัน การกระทำความผิดฐานร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและฐานร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันจำพวกแอนติโปรเจสเตอโรนที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา จึงเป็นกรรมเดียวกัน ซึ่งต้องลงโทษบทหนักฐานร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดรวมสามกรรม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.๒๕๔๒ มาตรา ๓๐, ๕๗ พระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.๒๕๒๕ มาตรา ๔, ๒๖, ๔๓, พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.๒๕๔๑ มาตรา ๓, ๔, ๒๔, ๕๗ พระราชบัญญัติยา พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๔, ๑๒, ๗๒, ๑๐๑, ๑๒๒, ๑๒๖ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒, ๓๓, ๘๓, ๙๑ ริบยาที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์ และชุดยาตรวจครรภ์ของกลางให้แก่กระทรวงสาธารณสุข
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.๒๕๔๒ มาตรา ๓๐, ๕๗ วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.๒๕๒๕ มาตรา ๒๖, ๔๓ พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.๒๕๔๑ มาตรา ๒๔ วรรคหนึ่ง, ๕๗ พระราชบัญญัติยา พ.ศ.๒๕๑๐ มาตรา ๑๒ วรรคหนึ่ง, ๗๒ (๔) วรรคหนึ่ง, ๑๐๑, ๑๒๒ ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ฐานร่วมกันทำการประกอบโรคศิลปะโดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตกับฐานร่วมกันประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยมิได้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากันให้ลงโทษฐานร่วมกันประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยมิได้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ จำคุกคนละ ๑ ปี ฐานร่วมกันดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกคนละ ๖ เดือน ฐานร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกคนละ ๑ ปี และฐานร่วมกันขายยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา จำคุกคนละ ๖ เดือน รวมจำคุกคนละ ๓ ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกคนละ ๑ ปี ๖ เดือน ริบของกลางให้แก่กระทรวงสาธารณสุข คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองข้อแรกว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันหรือไม่ โดยจำเลยทั้งสองฎีกาว่า จำเลยทั้งสองมีเจตนามุ่งประสงค์ต่อผลเพียงอย่างเดียวคือ ขายยาให้แก่นางสาวนวพร ผู้ทำแท้งเท่านั้น เห็นว่า การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันประกอบโรคศิลปะ สาขาเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและร่วมกันประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตมีเจตนาบำบัดรักษาโรคให้แก่
นางสาวนวพร ผู้ทำแท้ง เพื่อแสวงหาผลประโยชน์เป็นเงินค่ายาและค่าบริการทำแท้งจากนางสาวนวพร ส่วนการที่จำเลยทั้งสองร่วมกันประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับใบอนุญาตมีเจตนาจัดสถานที่เพื่อการตรวจรักษาโรคโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับใบอนุญาตมีเจตนาเพื่อขายยาแผนปัจจุบัน และร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันจำพวกแอนติโปรเจสเตอโรนที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยามีเจตนาขายยาแผนปัจจุบันที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา การกระทำของจำเลยทั้งสองในความผิดทั้งสี่ฐานนี้ จึงเป็นการกระทำที่มีเจตนาแยกต่างหากจากกัน มิได้มีเจตนามุ่งประสงค์ต่อผลที่จะขายยาให้แก่นางสาวนวพร ดังที่จำเลยทั้งสองฎีกา การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน แต่อย่างไรก็ตามการร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับใบอนุญาตกับการร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันจำพวกแอนติโปรเจสเตอโรนที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยานั้น ปรากฏว่ายาแผนปัจจุบันจำพวกแอนติโปรเจสเตอโรนที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาเป็นจำนวนเดียวกันยาแผนปัจจุบันที่จำเลยทั้งสองร่วมกันขายโดยไม่ได้รับใบอนุญาต การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงมีเจตนาเดียวกัน การกระทำความผิดฐานร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและฐานร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันจำพวกแอนติโปรเจสเตอโรนที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา จึงเป็นกรรมเดียวกัน ซึ่งต้องลงโทษบทหนักฐานร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดรวม ๓ กรรม ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยทั้งสอง ๔ กรรม นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและฐานร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับใบอนุญาตซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ จำคุก ๑ ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๖ เดือน เมื่อรวมกับโทษในความผิดฐานอื่นแล้ว เป็นจำคุก ๑ ปี ๓ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share