คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2389/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องกับพี่สาวซื้อ ที่ดินมีโฉนด จากจำเลย โดย ทำหนังสือสัญญาซื้อขายและจดทะเบียนต่อ พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่ง ขณะนั้นบนที่ดินมีบ้านพิพาทของจำเลยปลูกอยู่บ้านพิพาทเป็นส่วนควบของที่ดิน ต่อมาเมื่อผู้ร้องกับพี่สาวซื้อ บ้านพิพาทจากจำเลย แม้จะทำหนังสือสัญญาซื้อขายกันเอง บ้านพิพาทก็ตก เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องกับพี่สาวตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 107 วรรคสอง ตั้งแต่ วันทำหนังสือสัญญาซื้อขายบ้านพิพาทแล้วโดย ไม่ต้องไปจดทะเบียนการซื้อ ขายต่อ พนักงานเจ้าหน้าที่ตาม มาตรา 456 อีกโจทก์จึงไม่มีสิทธินำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดบ้านพิพาท

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษานำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดบ้าน ๑ หลังที่พิพาท ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ว่า ไม่ใช่บ้านของจำเลย แต่เป็นของผู้ร้อง และไม่ใช่บ้านเลขที่ ๓๔/๖ ตามที่โจทก์อ้าง ขอให้สั่งถอนการยึด
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า บ้านที่นำยึดเลขที่ ๓๔/๖ เป็นหลังเดียวกันกับบ้านพิพาท โดยผู้ร้องขอเลขบ้านใหม่และเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย ขอให้ยกคำร้องขัดทรัพย์
ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้ยกคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่า ผู้ร้องกับนางสาวรัชนีพร เอื้ออนุกร ที่สาวซื้อที่ดินตามโฉนดเลขที่ ๑๕๗๕๘ จากจำเลยโดยทำหนังสือสัญญาซื้อขายและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ขณะนั้นบนที่ดินมีบ้านพิพาทของจำเลยปลูกอยู่ ต่อมาผู้ร้องกับพี่สาวซื้อบ้านพิพาทจากจำเลยด้วยโดยทำหนังสือสัญญาซื้อขายกันเอง หลังจากนั้นนางสาวรัชนีพรจดทะเบียนยกที่ดินส่วนของตนตามโฉนดให้แก่ผู้ร้อง ต่อมาโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดบ้านพิพาทโดยอ้างว่าเป็นของจำเลย ผู้ร้องอุทธรณ์ว่า บ้านพิพาทปลูกอยู่บนที่ดินแปลงที่ผู้ร้องกับพี่สาวซื้อจากจำเลย และจำเลยได้ขายบ้านพิพาทให้แก่ผู้ร้องกับพี่สาวแล้ว บ้านพิพาทย่อมตกเป็นส่วนควบของที่ดินอันเป็นทรัพย์ประธานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๐๗ การซื้อขายบ้านพิพาทระหว่างจำเลยกับผู้ร้องจึงชอบด้วยกฎหมายไม่เป็นโมฆะ บ้านพิพาทจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องกับพี่สาว พิเคราะห์แล้ว จากข้อเท็จจริงดังกล่าวมาเห็นได้ว่า บ้านพิพาทได้ตกเป็นส่วนควบของที่ดินของผู้ร้องกับพี่สาว จึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องกับพี่สาวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๗ วรรคสอง ตั้งแต่วันทำหนังสือสัญญาซื้อขายบ้านพิพาทแล้วโดยไม่จำต้องไปทำการจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๔๕๖ อีก
พิพากษากลับ ให้ถอนการยึดบ้านพิพาท.

Share