คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 510/2553

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะเกิดเหตุ ต. ผู้เสียหายดำรงตำแหน่งเป็นนายอำเภอเมืองนครสวรรค์ มีอำนาจกำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลในเขตท้องที่จังหวัดนครสวรรค์ จำเลยที่ 1 เป็นราษฎร จำเลยที่ 2 เป็นบรรณาธิการเจ้าของและผู้พิมพ์โฆษณาหนังสือพิมพ์ซึ่งออกจำหน่ายแก่ประชาชนในจังหวัดนครสวรรค์ จำเลยทั้งสองร่วมกันเขียนข้อความลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ฉบับลงวันที่ 1 สิงหาคม 2542 ในหนังสือพิมพ์ว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นนายอำเภอไม่ดำเนินการให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีเรื่องที่จำเลยที่ 1 มีหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษ ส. ซึ่งสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบางม่วงว่า ส. ไม่ได้อยู่ในภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ประจำในหมู่ที่ 2 ตำบลบางม่วงไม่น้อยกว่า 15 ปี และนำสำเนาทะเบียนบ้านปลอมเป็นเอกสารในการยื่นสมัครอันเป็นการแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงาน ปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม การที่ผู้เสียหายไม่ดำเนินคดีเรื่องที่จำเลยที่ 1 ร้องทุกข์กล่าวโทษมีลักษณะหน่วงเหนี่ยวส่อไปในทางที่จะก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมและเป็นการที่ผู้เสียหายละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันเขียนข้อความลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์โดยจำเลยที่ 1 ได้ติดตามเรื่องราวขอทราบผลการร้องทุกข์กล่าวโทษจากผู้เสียหายก่อนแล้ว แต่จำเลยที่ 1 ไม่ตอบ จำเลยที่ 1 เป็นประชาชนในตำบลบางม่วง ย่อมมีส่วนได้เสียในการดำเนินการขององค์การบริหารส่วนตำบลบางม่วง และการเป็นสมาชิกภาพของสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล มีอำนาจในการบริหาร จึงเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม และเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ การกระทำของจำเลยทั้งสองไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตาม ป.อ. มาตรา 329 (1) (3)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองสำนวนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 326, 328
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 (ที่ถูกประกอบมาตรา 83 ด้วย) จำคุกคนละ 1 ปี และปรับคนละ 21,000 บาท จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 8 เดือน และปรับ 14,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า …การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม และติชมด้วยความเป็นธรรมซึ่งบุคคลอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำหรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่า หลังจากจำเลยที่ 1 มีหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษแล้วจำเลยที่ 1 ได้ติดตามเรื่องราวขอทราบผลที่จำเลยที่ 1 ร้องทุกข์กล่าวโทษจากผู้เสียหาย เพราะจำเลยที่ 1 เห็นว่าเวลาได้ล่วงเลยเกินกำหนดตามระเบียบการส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวน ไม่ใช่เพียงการสอบข้อเท็จจริงตามที่ผู้เสียหายได้ดำเนินการเท่านั้น แต่ไม่มีหนังสือตอบกลับจากผู้เสียหาย จำเลยที่ 1 เป็นประชาชนอาศัยอยู่ในตำบลบางม่วง ย่อมมีส่วนได้เสียในการดำเนินงานขององค์การบริหารส่วนตำบลบางม่วง รวมทั้งการเป็นสมาชิกภาพของสมาชิกขององค์การบริหารส่วนตำบลบางม่วงที่มีอำนาจในการบริหาร และพฤติการณ์ของผู้เสียหายที่ไม่รีบดำเนินการตามที่จำเลยที่ 1 ร้องทุกข์กล่าวโทษอาจมีเหตุทำให้จำเลยที่ 1 เชื่อว่าผู้เสียหายดำเนินการในลักษณะหน่วงเหนี่ยวหรือดึงเรื่องไว้จะก่อให้เกิดความเสียหายไม่เป็นธรรมแก่ประชาชนในตำบลบางม่วงและก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการส่วนท้องถิ่น จำเลยที่ 1 จึงนำความไปปรึกษากับจำเลยที่ 2 ซึ่งจำเลยที่ 2 ก็นำสืบว่าจำเลยที่ 2 ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่จำเลยที่ 1 ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อผู้เสียหายแล้วได้ความว่าเป็นเรื่องจริงและเห็นว่าผู้เสียหายใช้เวลาสอบพยานนานเกินสมควร จำเลยทั้งสองจึงได้ร่วมกันเขียนข้อความลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ ประกอบกับต่อมาผู้เสียหายมีหนังสือตอบว่า ผลการตรวจสอบไม่พบว่าเอกสารที่นายสุรเศรษฐใช้ในการยื่นสมัครเป็นเอกสารปลอม ส่วนเรื่องนายสุรเศรษฐไม่ได้อยู่ในภูมิลำเนาที่ได้รับเลือกตั้งได้เสนอเรื่องให้อัยการจังหวัดนครสวรรค์วินิจฉัย แต่เมื่อจำเลยที่ 1 มีหนังสือขอทราบผลการวินิจฉัยจากทางอัยการจังหวัดนครสวรรค์กลับได้รับแจ้งว่าไม่ปรากฏว่ามีเรื่องดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณาวินิจฉัยของอัยการจังหวัดนครสวรรค์ หลังจากนั้นผู้เสียหายมีหนังสือว่า ผู้เสียหายได้วินิจฉัยให้สมาชิกภาพของสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลบางม่วงของนายสุรเศรษฐสิ้นสุดลง เนื่องจากมิได้อยู่ประจำในหมู่บ้านที่ได้รับเลือกตั้งเป็นระยะเวลาติดต่อกันเกิน 6 เดือน แสดงว่ามีเหตุที่ทำให้จำเลยทั้งสองเชื่อว่าความจริงเป็นดังที่ตนเข้าใจ เพราะมีข้อเท็จจริงที่ทำให้เห็นได้ว่าผู้เสียหายดำเนินการเรื่องที่จำเลยที่ 1 ร้องเรียนกล่าวโทษในลักษณะหน่วงเหนี่ยวให้ล่าช้า ไม่ให้ความเป็นธรรม และเป็นกรณีที่สมควรกล่าวโดยเข้าใจว่าถูกต้องตามความรู้สึกของประชาชนทั่วไป เพราะผู้เสียหายเป็นนายอำเภอมีอำนาจกำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบล ทั้งไม่มีพฤติการณ์แสดงว่าจำเลยทั้งสองเจตนาใส่ร้ายผู้เสียหายโดยไม่สุจริต ดังนี้ การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันเขียนข้อความลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ จึงเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม และเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ การกระทำของจำเลยทั้งสองไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (1) (3) ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share