แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยกับพวกนั่งรออยู่ในห้องโถงชั้นล่างของโรงแรมอันเป็นสถานที่เปิดเผยก็เพื่อการค้าประเวณี โดยแสดงตัวให้ชายที่มาเที่ยวพบเห็นเพื่อจะได้ร่วมประเวณีด้วยเท่ากับจำเลยได้แนะนำตัวในที่อันเป็นการเปิดเผยและน่าอับอายตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 มาตรา 5(1) แล้ว
ย่อยาว
คดีทั้งสามสำนวนนี้ศาลชั้นต้นได้พิจารณาและพิพากษารวมกัน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามได้กระทำเพื่อการค้าประเวณีโดยบังอาจเตร็ดเตร่หรือคอยอยู่ที่โรงแรมอันเป็นสาธารณสถานในลักษณะหรืออาการที่เห็นได้ว่าเป็นการเรียกร้องติดต่อในการค้าประเวณี และตามวันเวลาดังกล่าวจำเลยได้เข้าติดต่อชักชวนแนะนำตัวกับผู้มีชื่อในสถานที่ดังกล่าวอันเป็นการเปิดเผยและน่าอับอาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 มาตรา 5(1)(2)
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าข้อเท็จจริงเป็นเรื่องจำเลยเข้าไปมั่วสุมในสถานการค้าประเวณีเพื่อการค้าประเวณี เข้าลักษณะที่ระบุไว้ในมาตรา 5(3) โดยตรง ข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาจึงต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้องลงโทษจำเลยไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยกับพวกนั่งรออยู่ในห้องโถงชั้นล่างของโรงแรมอันเป็นสถานที่เปิดเผย ก็เพื่อการค้าประเวณีโดยแสดงตัวให้ชายที่มาเที่ยวพบเห็นเพื่อจะได้ร่วมประเวณีด้วย เท่ากับจำเลยได้แนะนำตัวในที่อันเป็นการเปิดเผยและน่าอับอายตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 มาตรา 5(1) แล้ว
พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 มาตรา 5(1) ให้ปรับคนละ 200 บาทไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30