แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนให้ลงโทษจำเลยจำคุกไม่เกิน 5 ปี ห้ามฎีกา ข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการ รับฟังพยาน เพื่อจะไปหาปัญหาเป็นข้อกฎหมาย ยังเป็น ข้อเท็จจริงอยู่ คดีต้องห้ามฎีกา ไม่รับฎีกาของจำเลย จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความและอายุความเริ่มนับเมื่อใด โจทก์เป็นผู้เสียหายและ มีอำนาจฟ้องคดีหรือไม่ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำความผิดโดยเจตนาอันเป็นการครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหรือไม่ และการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีผิดจากพยานหลักฐานในสำนวนและรับฟังพยานหลักฐานโดยไม่ชอบ ล้วนเป็นปัญหาข้อกฎหมายทั้งสิ้น ทั้งเป็นกรณีที่ว่ากล่าว กันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกา ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไปด้วย หมายเหตุ ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 113 แผ่นที่ 2) โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288,80,90,358 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว มีคำสั่งให้ประทับฟ้องเฉพาะข้อหาทำให้เสียทรัพย์ ส่วนข้อหาพยายามฆ่าให้ยกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 จำคุก 3 เดือน โทษจำคุก เห็นสมควรให้เปลี่ยนเป็น กักขังแทน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23 ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 110) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 110)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ฎีกาจำเลยที่ว่า ผู้เสียหาย ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยฐานพยายามฆ่าอย่างเดียว แต่แจ้งเรื่องจำเลยยิงปืนถูกบ้านผู้เสียหายด้วยโดยไม่ได้ ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยฐานทำให้เสียทรัพย์ จะถือว่าเป็นการร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยฐานทำให้เสียทรัพย์ ด้วยหรือไม่ และฎีกาที่ว่าศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยพยานหลักฐานไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ให้รับฎีกา ของจำเลยดังกล่าวในข้อ 2 ไว้ดำเนินการต่อไป ส่วนฎีกาข้ออื่นล้วนเป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา ของจำเลยนั้นชอบแล้ว