แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยขอยืมเงินโจทก์ร่วมบอกว่าจะเอาไปทำการค้า แสดงอยู่ในตัวว่าไม่มีเงินจึงต้องยืม ดังนั้น การที่จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินแก่โจทก์ร่วมในวันนั้นเอง ย่อมเป็นที่เข้าใจกันระหว่างโจทก์ร่วมกับจำเลยว่าไม่ใช่เป็นเรื่องออกเช็คให้นำไปขึ้นเงินชำระหนี้ในวันนั้น จึงมีผลเท่ากับออกเช็คไว้เป็นหลักประกันการกู้ยืม แม้ต่อมาธนาคารปฏิเสธการใช้เงิน จำเลยก็ไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2510 เวลากลางวัน จำเลยบังอาจออกเช็คธนาคารสหธนาคารกรุงเทพจำกัด สาขาบางโพ ฉบับเลขที่ เอ.15-010139 ลงวันที่สั่งจ่าย 7 มีนาคม 2510 สั่งจ่ายเงิน 25,000 บาทชำระหนี้ให้แก่นางจินตนา เจริญเรืองวาณิชย์ผู้เสียหายต่อมาวันที่ 30 มีนาคม 2510 เวลากลางวัน นางจินตนานำเช็คไปขอรับเงินที่ธนาคารดังกล่าว ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินอ้างว่าเงินในบัญชีไม่พอจ่าย ทั้งนี้โดยจำเลยออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ออกเช็คโดยในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ เหตุเกิดตำบลสามเสนใน อำเภอพญาไท และตำบลบางซื่อ อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร เกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
นางจินตนา เจริญเรืองวาณิชย์ ผู้เสียหายร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาตแล้ว
จำเลยให้การว่า ออกเช็คให้โจทก์ร่วมเพื่อเป็นการประกันเซ้งตึก ซึ่งจำเลยเซ้งตึกของโจทก์ร่วม
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยออกเช็คประกันการชำระเงินกินเปล่าในการเซ้งตึกชั้น 3 ของโจทก์ร่วม หาใช่ออกเช็คเพื่อชำระหนี้เงินยืมไม่ จำเลยหลงข้อต่อสู้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ค่าเซ้งตึกชั้น 3 แก่โจทก์ร่วมข้อแตกต่างกันในมูลหนี้แห่งการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ไม่ใช่ข้อสารสำคัญเพราะจะฟังในมูลหนี้ใด จำเลยก็มีหน้าที่จะต้องชำระให้โจทก์ร่วม พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ให้จำคุกจำเลยหนึ่งเดือน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาคดีแล้ว ทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่า เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2510 เวลา 9.00 นาฬิกาจำเลยขอยืมเงินสดโจทก์ร่วมเพื่อไปทำการค้า 25,000 บาท จำเลยสั่งจ่ายเช็คของสหธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาบางโพ ลงวันที่ 7 มีนาคม 2510 เงิน25,000 บาทให้โจทก์ร่วมไว้โดยไม่ได้ทำสัญญากู้ ครั้นวันที่ 30 มีนาคม 2510 โจทก์ร่วมเอาเช็คไปขึ้นเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเพราะเงินของจำเลยมีไม่พอจ่าย
ตามที่โจทก์สืบมาดังนี้ย่อมเห็นได้ว่า การที่จำเลยมายืมเงินโจทก์ร่วมบอกว่าจะเอาไปทำการค้า แสดงอยู่ในตัวเองว่าจำเลยไม่มีเงินจึงต้องมายืมฉะนั้น การที่จำเลยเขียนเช็คลงวันที่สั่งจ่ายเงินในวันที่ยืมเงินนั้นเอง ย่อมเป็นที่เข้าใจระหว่างโจทก์ร่วมกับจำเลยว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องออกเช็คให้เอาไปขึ้นเงินชำระหนี้ในวันนั้น เพราะโจทก์ร่วมเองก็ต้องเข้าใจหรือรู้อยู่แก่ใจแล้วว่า ในขณะออกเช็คจำเลยไม่มีเงินชำระหนี้ตามเช็คได้จึงมีผลเท่ากับออกเช็คให้โจทก์ร่วมไว้เป็นหลักประกันการกู้ยืม ดังนั้นแม้ต่อมาธนาคารปฏิเสธการใช้เงิน จำเลยก็ไม่มีความผิด
จึงพิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์