คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 51/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สามีนอนอยู่ชั้นบนของเรือน ภริยานอนอยู่ชั้นล่างต่างคนก็หลับไปแล้ว ต่อมาสุนัขเห่า ภริยาจึงตื่นไปแอบฝาห้องดูคนร้ายที่ห้องนอนของสามี สามีตื่นภายหลัง มองเห็นคนอยู่ที่ฝาห้องตะคุ่มๆ เข้าใจว่าเป็นคนร้าย เพราะมืด จึงหยิบมีดฟันไป 1 ที ภริยาถึงแก่ความตายดังนี้ถือว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง สามีมีสิทธิป้องกันได้โดยไม่ต้องพูดจาไต่ถาม หรือรอให้ผู้นั้นแสดงกิริยาว่าจะเข้ามาประทุษร้ายก่อนและสามีไม่รู้ว่าคนที่เข้าใจว่าเป็นคนร้ายจะมีอาวุธร้ายแรงหรือไม่สามีฟันไปทีเดียว ถือได้ว่ากระทำไปพอสมควรแก่เหตุและยังไม่พอถือว่าการกระทำของสามีเกิดขึ้นด้วยความสำคัญผิดในข้อเท็จจริงโดยประมาท ตามมาตรา 62 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่านางสุข สว่างดี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288

จำเลยให้การว่าได้ฟันผู้ตายจริงโดยเข้าใจว่าเป็นคนร้าย

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยเข้าใจว่าผู้ตายเป็นคนร้าย เป็นการป้องกันเกินกว่าเหตุ จำคุก 1 ปี

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเกิดเหตุคดีนี้เวลา 20 นาฬิกาจำเลยนอนอยู่ชั้นบน ผู้ตายนอนอยู่ชั้นล่างของเรือน ต่างหลับกันแล้วมีเสียงสุนัขเห่า ผู้ตายตื่นไปแอบฝาลำแพนดูคนร้ายที่ห้องของจำเลยซึ่งมืด จำเลยตื่นไปเห็นคนยืนอยู่ที่ฝาลำแพน เข้าใจว่าเป็นคนร้ายจึงหยิบมีดที่วางอยู่ใกล้ ๆ ฟันไป ถือได้ว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 แล้ว จึงมีสิทธิป้องกันได้โดยไม่ต้องพูดจาไต่ถาม หรือรอให้ผู้นั้นแสดงกิริยาว่าจะเข้ามาประทุษร้ายก่อน และเห็นว่าจำเลยไม่รู้ว่าคนที่เข้าใจว่าเป็นคนร้ายนั้นจะมีอาวุธร้ายแรงหรือไม่ จำเลยฟันไปทีเดียว ถือได้ว่ากระทำไปพอสมควรแก่เหตุแล้ว และยังไม่พอถือว่าการกระทำของจำเลยเกิดขึ้นด้วยความสำคัญผิดในข้อเท็จจริงโดยประมาท ดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 62 วรรค 2

พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

Share