คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2926/2529

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์และพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา339,288,80โดยบรรยายฟ้องมาด้วยว่าจำเลยใช้กำลังกายชกต่อยผู้เสียหายหลายครั้งจนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายถึงบาดเจ็บความผิดฐานชิงทรัพย์นั้นมีการกระทำโดยใช้กำลังประทุษร้ายรวมอยู่ด้วยแม้ข้อเท็จจริงจะไม่ได้ความว่าจำเลยกระทำผิดฐานชิงทรัพย์คงฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยได้ร่วมทำร้ายผู้เสียหายศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานทำร้ายร่างกายได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคท้าย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยชิงอาวุธปืนและกระสุนปืนของจ่าสิบตำรวจสมเร็จ ปนศิริผู้เสียหายไปโดยทุจริต ในการชิงทรัพย์ดังกล่าวจำเลยได้ใช้กำลังกายชกต่อยผู้เสียหายที่ใบหน้าหลายครั้งจนผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายถึงบาดเจ็บและจำเลยใช้ปืนพกที่จำเลยชิงเอาไปยิงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่า จำเลยได้ลงมือกระทำผิดแล้วแต่ทำไปไม่ตลอด เพราะมีบุคคลอื่นปัดปืนจากมือจำเลย ผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 339 วรรคสาม, 91 จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295จำคุก 1 ปี ค่าเบิกความของจำเลยเป็นประโยชน์ในชั้นพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3คงจำคุก 8 เดือน จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีคงมีปัญหาข้อกฎหมายว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์และพยายามฆ่าเท่านั้นมิได้ขอให้ลงโทษฐานทำร้ายร่างกายศาลจึงพิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายไม่ได้ ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานชิงทรัพย์กับความผิดฐานพยายามฆ่า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 288, 80 โดยบรรยายฟ้องมาด้วยว่าจำเลยใช้กำลังกายชกต่อยผู้เสียหายหลายครั้งจนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายถึงบาดเจ็บความผิดฐานชิงทรัพย์นั้นมีการกระทำโดยใช้กำลังประทุษร้ายรวมอยู่ด้วยแม้ข้อเท็จจริงจะไม่ได้ความว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานชิงทรัพย์ คงฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยได้ร่วมกันทำร้ายร่ายกายผู้เสียหาย ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานทำร้ายร่างกายได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย พิพากษายืน

Share