คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 507/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย และอยู่กินฉันสามีภริยากับผู้ตายตลอดมาจนผู้ตายถึงแก่กรรมเป็นเวลา 39 ปีเศษ ส่วนผู้คัดค้านซึ่งเป็นบุตรของผู้ตายที่เกิดกับภริยาอีกคนหนึ่งมีความใกล้ชิดกับผู้ตายน้อยกว่าผู้ร้อง และทั้งผู้ร้องกับผู้คัดค้านต่างมีความขัดแย้งกัน หากให้ร่วมกันจัดการทรัพย์มรดกอาจเกิดความไม่สะดวก เพื่อประโยชน์แก่กองมรดก จึงสมควรตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกแต่เพียงผู้เดียว.(ที่มา-เนติ)

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายขอให้ศาลตั้งผู้ร้องให้เป็นผู้จัดการมรดกผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่าผู้คัดค้านเป็นบุตรของผู้ตายอันเกิดจากนางสายผู้คัดค้านเหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดกมากกว่าผู้ร้อง ขอให้ยกคำร้องและตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกแต่ผู้เดียวศาลชั้นต้นตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก ยกคำร้องคัดค้านผู้คัดค้านอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ตั้งผู้ร้องกับผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ‘มีปัญหาในชั้นฎีกาว่าผู้คัดค้านสมควรเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้องหรือไม่ ข้อเท็จจริงรับกันว่าผู้ร้องเป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของนายอินทร์ ปิยะโกศลเจ้ามรดกและอยู่กินฉันสามีภริยากับเจ้ามรดกตั้งแต่วันที่ 5สิงหาคม 2486 ถึงวันที่ 24 กรกฎาคม 2526 อันเป็นวันที่เจ้ามรดกถึงแก่กรรมเป็นเวลาถึง 39 ปีเศษผู้ร้องย่อมรู้ดีกว่าผู้คัดค้านว่าทรัพย์มรดกมีอะไรบ้างและอยู่ที่ไหน ส่วนผู้คัดค้านมีความใกล้ชิดกับผู้ตายน้อยกว่าผู้ร้อง เพราะนายสุรีย์ปิยะโกศลพยานผู้คัดค้านและเป็นพี่ชายของผู้คัดค้านเองก็เบิกความว่าตั้งแต่ผู้คัดค้านเกิดนายอินทร์ผู้ตายไม่เคยไปมาหาสู่กับนางสายมารดาอีกเลย และศาลฎีกาเห็นว่าขณะนี้ทั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านต่างมีความขัดแย้งกันหากให้ร่วมกันจัดการทรัพย์มรดกอาจเกิดความไม่สะดวก เพื่อประโยชน์แก่กองมรดกเห็นสมควรตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกแต่เพียงผู้เดียว ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น’
พิพากษาแก้เป็นว่าให้ตั้งนางศรีแก้ว ปิยะโกศลผู้ร้องเพียงผู้เดียวเป็นผู้จัดการมรดกของนายอินทร์ ปิยะโกศลผู้ตายค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share