แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทนายจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การในขณะที่เหลือเวลาทำการเพื่อยื่นคำให้การอีกเพียง 2 วัน โดยอ้างว่าเพิ่งได้รับการติดต่อจากจำเลยที่ 1 ให้เป็นทนายความในวันนี้ ต้องสอบถามรายละเอียดในคดี และตรวจเอกสารต่าง ๆ ตลอดจนต้องไปดูสถานที่ตั้งของที่ดินพิพาท เพื่อทำคำให้การได้ถูกต้อง โดยไม่ปรากฏว่ามีเหตุขัดข้องหรือความจำเป็นอย่างใดจึงติดต่อหาทนายความล่าช้า ความล่าช้าดังกล่าวเป็นความผิดของจำเลยที่ 1 เอง ที่ปล่อยปละละเลยให้ระยะเวลายื่นคำให้การล่วงเลยไปถึง 13 วัน โดยไม่ขวนขวายติดต่อหาทนายความแต่เนิ่น ๆ และแม้ว่าจะเหลือเวลาทำการอีกเพียง 2 วัน แต่คดีนี้โจทก์ทั้งสี่ฟ้องในฐานะเจ้าของรวมให้จำเลยทั้งสองรังวัดแบ่งแยกที่ดินกรรมสิทธิ์รวม ซึ่งได้ครอบครองเป็นส่วนสัดกันแล้ว และมีแผนที่สังเขปท้ายฟ้องอีกด้วย รูปคดีจึงไม่ยุ่งยากซับซ้อนแต่อย่างใด หากทนายจำเลยที่ 1 สอบถามข้อเท็จจริงอย่างจริงจังและรีบไปดูที่ดินโดยเร็ว เวลาที่เหลือ 2 วัน ก็เพียงพอที่จะทำคำให้การยื่นต่อศาลได้ทันกำหนดเวลา ข้ออ้างตามคำร้องของจำเลยที่ 1 ถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษอันจะพึงขยายระยะเวลายื่นคำให้การให้จำเลยที่ 1 ได้ เมื่อข้อเท็จจริงตามที่อ้างมาในคำร้องเพียงพอที่จะวินิจฉัยมีคำสั่งได้แล้ว ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจทำคำสั่งไปได้โดยไม่จำเป็นต้องส่งสำเนาคำร้องให้โจทก์และไต่สวนคำร้องก่อนแต่อย่างใด
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสี่ฟ้องว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ ๘๖๔ ตำบลหัวสะพาน (หัวตะพาน) อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี เป็นกรรมสิทธิ์รวมของโจทก์ทั้งสี่และจำเลยทั้งสอง ซึ่งต่างครอบครองแยกกันเป็นสัดส่วน ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองไปยื่นคำร้องขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินดังกล่าว และจดทะเบียนแบ่งแยกให้โจทก์ทั้งสี่ได้โฉนดที่ดินใหม่ทั้ง ๔ ฉบับ ส่วนจำเลยทั้งสองได้โฉนดที่ดินคงเหลือฉบับเดิม หากจำเลยทั้งสองไม่ไปและไม่จัดการดังกล่าว ก็ขอถือคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง ศาลชั้นต้นส่งหมายเรียกและส่งสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ ๑ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๔๓ โดยมีผู้รับแทน ต่อมาวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๔๓ จำเลยที่ ๑ ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การไปอีก ๓๐ วัน นับแต่วันยื่นคำร้องอ้างว่า ทนายความจำเลยที่ ๑ เพิ่งได้รับการติดต่อจากจำเลยที่ ๑ ให้เป็นทนายความในวันนี้ ต้องสอบถามรายละเอียดในคดีและตรวจเอกสารต่าง ๆ ตลอดจนต้องไปดูสถานที่ตั้งของที่ดินพิพาทอย่างละเอียดเพื่อทำคำให้การได้ถูกต้อง จึงไม่สามารถทำคำให้การยื่นได้ทันภายในกำหนด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีที่อ้างไม่ใช่พฤติการณ์พิเศษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓ ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
วันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๔๓ โจทก์ทั้งสี่ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและนัดสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การคดีพิพาทเกี่ยวด้วยกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ ให้สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองไปยื่นคำขอรังวัดแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่ ๘๖๔ ตำบลหัวสะพาน (หัวตะพาน) อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี ให้โจทก์ทั้งสี่ ตามสัดส่วนที่โจทก์ทั้งสี่ครอบครอง ถ้าจำเลยทั้งสองไม่ไปให้ถือคำพิพากษาแสดงเจตนาแทนจำเลยทั้งสอง ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความให้เป็นพับ
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์คำสั่งที่ให้ยกคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การ
ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษายกคำพิพากษาและคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องขอขยายระยะเวลาของจำเลยที่ ๑ ไว้ดำเนินการต่อไป แล้วพิจารณาและพิพากษาใหม่ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่
โจทก์ทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นมีอำนาจสั่งคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การไปโดยไม่ต้องส่งสำเนาคำร้องให้โจทก์และไต่สวนคำร้องก่อนหรือไม่ เห็นว่า ตามคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การ จำเลยที่ ๑ เพิ่งติดต่อหาทนายจำเลยที่ ๑ เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๔๓ ซึ่งเหลือเวลาเพื่อยื่นคำให้การอีกเพียง ๒ วัน โดยไม่ปรากฏว่ามีเหตุขัดข้องหรือความจำเป็นอย่างใดจึงมาติดต่อหาทนายจำเลยที่ ๑ ล่าช้าเช่นนี้ ความล่าช้าตามที่อ้างมา จึงเป็นความผิดของจำเลยที่ ๑ เอง ที่ไม่ขวนขวายติดต่อหาทนายจำเลยที่ ๑ แต่เนิ่น ๆ ทั้งคดีนี้โจทก์ทั้งสี่ฟ้องในฐานะเจ้าของรวมให้จำเลยทั้งสองรังวัดแบ่งแยกที่ดินกรรมสิทธิ์รวม ซึ่งได้ครอบครองเป็นส่วนสัดกันแล้ว และมีแผนที่สังเขปท้ายฟ้องอีกด้วย รูปคดีจึงไม่ยุ่งยากซับซ้อนแต่อย่างใด หากทนายจำเลยที่ ๑ สอบถามข้อเท็จจริงอย่างจริงจังและรีบไปดูที่ดินโดยเร็ว เวลาที่เหลือ ๒ วัน ก็เพียงพอที่จะทำคำให้การยื่นต่อศาลชั้นต้นได้ทันกำหนดเวลา ข้ออ้างตามคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การของจำเลยที่ ๑ ถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษอันจะพึงขยายระยะเวลายื่นคำให้การให้จำเลยที่ ๑ ได้ เมื่อข้อเท็จจริงตามที่อ้างมาในคำร้องเพียงพอที่จะวินิจฉัยและมีคำสั่งได้แล้วเช่นนี้ ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจทำคำสั่งไปได้โดยไม่จำเป็นต้องส่งสำเนาคำร้องให้โจทก์และไต่สวนคำร้องก่อน ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและคำสั่งศาลชั้นต้น โดยให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การของจำเลยที่ ๑ ไว้ดำเนินการต่อไปแล้วพิจารณาพิพากษาใหม่นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ทั้งสี่ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาแทนโจทก์ทั้งสี่ โดยกำหนดค่าทนายความรวม ๓,๐๐๐ บาท.