คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4975/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เช็คที่จำเลยที่ 4 สั่งจ่ายระบุชื่อ จ่ายให้แก่บริษัทจำเลยที่ 1โดยขีดฆ่าคำว่า “หรือผู้ถือ” ออก และขีดคร่อมระบุไว้กลางเส้นขนานที่ขีดคร่อมว่า “เฉพาะ” คำว่า “เฉพาะ” ยังถือไม่ได้ว่าเป็นคำอื่นอันได้ความทำนองเดียวกับคำว่า “เปลี่ยนมือไม่ได้” ตามความในป.พ.พ. มาตรา 917 วรรคสอง เช็คดังกล่าวจึงเป็นเช็คที่โอนเปลี่ยนมือกันได้ตามความใน ป.พ.พ. มาตรา 917 วรรคแรก.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ได้นำเช็คของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สำนักงานใหญ่ ซึ่งมีจำเลยที่ 3เป็นผู้ลงนามสั่งจ่ายและเช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาเสาชิงช้า ซึ่งมีจำเลยที่ 4 เป็นผู้ลงนามสั่งจ่าย มาทำสัญญาขายลดเช็คให้แก่โจทก์ ครั้นเมื่อเช็คดังกล่าวถึงกำหนด โจทก์นำเรียกเก็บเงินจากธนาคารตามเช็ค ปรากฏว่าธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ถวงถามให้จำเลยทั้งสี่ชำระเงินตามเช็คและสัญญาขายลดเช็คดแล้ว จำเลยทั้งสี่เพิกเฉยจึงขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระหนี้แก่โจทก์ โดยให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 รับผิด ในต้นเงินและดอกเบี้ยตั้งแต่วันผิดนัดถึงวันฟ้องรวมเป็นเงิน181,172.89 บาท จำเลยที่ 3 รับผิดในวงเงิน 138,137.79 บาท และจำเลยที่ 4 รับผิดในวงเงิน 27,298.92 บาท และคิดดอกเบี้ยจากจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตามสัญญาขายลดเช็คและจำเลยที่ 3 และที่ 4ในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงินที่ปรากฏตามเช็คแต่ละฉบับนับแต่วันถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจำเลยทั้งสี่จะชำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 4 ให้กการว่า เช็คที่จำเลยที่ 4 ลงนามสั่งจ่ายและจำเลยที่ 1 นำไปขายลดแก่โจทก์นั้นเป็นเช็คระบุชื่อบริษัทเอ็ม.เอ็ม เทรดดิ้ง จำกัด จำเลยที่ 1 เป็นผู้รับเงินขีดฆ่าคำว่าหรือผู้ถือและขีดคร่อม มีคำว่า “เฉพาะ” อยู่ระหว่างเส้นคู่ขนานเป็นข้อความซึ่งมีความหมายเป็นทำนองว่าห้ามเปลี่ยนมือหรือเปลี่ยนมือไม่ได้ การที่จำเลยที่ 1 นำไปขายแก่โจทก์ โดยจำเลยที่ 4ไม่ให้ความยินยอมเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย จำเลยที่ 4 จึงไม่ต้องรับผิด โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายจึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันชำระเงิน181,172.89 บาท และจำเลยที่ 3 รับผิดในวงเงิน138,137.79 บาท จำเลยที่ 4 รับผิดในวงเงิน 27,298.92 บาท กับให้ร่วมกันหรือแทนกันชำระดอกเบี้ย โดยให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ชำระในอัตราร้อยละ 19 ต่อปี ในต้นเงิน 155,174 บาท จำเลยที่ 3 และที่ 4ชำระในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 129,584 บาท และ25,590 บาท ตามลำดับ นับแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2528 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 4 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาในชั้นนี้ประการแรกว่า จำเลยที่ 5 จะต้องรับผิดชำระเงินตามเช็ค หมาย จ.11 ให้โจทก์หรือไม่…พิเคราะห์เช็คหมาย จ.11 แล้ว “เป็นเช็คที่จำเลยที่ 4 สั่งจ่ายระบุชื่อจ่ายให้แก่บริษัท เอ็ม.เอ็ม เทรดดิ้ง จำกัด จำเลยที่ 1 โดยขีดฆ่าคำว่า “หรือผู้ถือ” ออกและขีดคร่อมระบุไว้กลางเส้นขนานที่ขีดคร่อมว่า “เฉพาะ” เห็นว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 917วรรคสอง บัญญัติว่า “เมื่อผู้สั่งจ่ายเขียนลงในด้านหน้าแห่งตั๋วแลกเงินว่า “เปลี่ยมือไม่ได้” ดังนี้ก็ดี หรือเขียนคำอื่นอันได้ความเป็นทำนองเช่นเดียวกันนั้นก็ดี ท่านว่าตั๋วเงินนั้นย่อมจะโอนให้กันได้แต่โดยรูปการและด้วยผลอย่างการโอนสามัญ” และมาตรา989 ให้นำบทบัญญัติในมาตรา 917 มาใช้บังคับในเรื่องเช็คด้วย ดังนั้นหากจำเลยที่ 4 ผู้สั่งจ่ายเช็คประสงค์จะห้ามโอนเช็ค ก็ต้องเขียนคำว่า “เปลี่ยนมือไม่ได้” หรือคำสั่งอื่นซึ่งได้ควาทำนองเดียวกันแต่จำเลยที่ 4 เขียนเพียงคำว่า “เฉพา” ซึ่งจำเลยอาจประสงค์ให้เป็นเช็คขีดคร่อมเฉพาะและให้ใช้เงินแก่ธนาคารตามเช็คก็ได้ทั้งจำเลยที่ 4 ก็ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าในทางปฏิบัติหรือประเพณีของธนาคารเป็นที่ยอมรับกันว่าเช็คที่ใช้ถ้อยคำเช่นนี้ห้ามเปลี่ยนมือจึงไม่อาจทราบความหมายได้ว่าเฉพาะสิ่งใด อย่างใดยังถือไม่ได้ว่าเป็นคำอื่นอันได้ความทำนองเดียวกับคำว่า “เปลี่ยนมือไม่ได้”ตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 917 วรรคสอง และถือว่าข้อความนั้นมิได้บัญญัติไว้ในประมาลกฎหมายลักษณะตั๋วเงิน ข้อความนั้นจึงหาเป็นผลแก่เช็คพิพาทไม่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 899 จึงทำให้เช็คเอกสารหมาย จ.11 เป็นเช็คที่โอนเปลี่ยนมือกันได้ ตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 917 วรรคแรกเมื่อจำเลยที่ 1 นำเช็คดังกล่าวไปขายลดเช็คแก่โจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย ทั้งโจทก์ได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 994 วรรคแรกแล้ว เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นผู้ลงนามสั่งจ่ายในเช็คต้องรับผิดตามเนื้อความที่ปรากฎในเช็คนั้น…”
พิพากษายืน.

Share