คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4901/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยจัดสรรที่ดินและขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ จำเลยตัดถนนใหม่ผ่านที่ดินของโจทก์ ภายหลังจากออกโฉนดที่ดินพิพาทและโอนให้โจทก์แล้ว โดยโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอมจำเลยจึงไม่มีสิทธิให้ประชาชนใช้สัญจรผ่านที่ดินของโจทก์และยกถนนดังกล่าวให้แก่กรุงเทพมหานครการที่จำเลยให้ประชาชนใช้สัญจรผ่านที่ดินของโจทก์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เป็นการละเมิดต่อโจทก์
จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์โดยการตัดถนนผ่านเข้าไปในที่ดินของโจทก์ก็เพื่อประโยชน์ของจำเลยและสมาชิก และได้ใช้ถนนดังกล่าวเป็นทางสัญจรจนกระทั่งโจทก์ฟ้องคดีนี้ เป็นการละเมิดที่ต่อเนื่องกันตลอดมา แม้โจทก์จะฟ้องคดีนี้เกินกว่า 10 ปีนับแต่ถนนพิพาทสร้างเสร็จและใช้สัญจรได้ คดีของโจทก์ก็ไม่ขาดอายุความ
จำเลยตัดถนนผ่านที่ดินของโจทก์ในลักษณะทะแยงมุม ทำให้ที่ดินของโจทก์ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน แต่ละส่วนเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู ด้านหนึ่งเรียวเกือบเป็นรูปชายธง เนื้อที่แต่ละส่วนเหลือเพียงร้อยตารางวาเศษ ที่ดินของโจทก์จึงเสียหายเต็มทั้งแปลง เมื่อพฤติการณ์ที่จำเลยกระทำละเมิดเป็นการกระทำโดยจงใจ เพราะเมื่อมีการเปลี่ยนแนวถนนจากผังที่วางไว้จำเลยย่อมรู้ดีว่าแนวถนนที่ตัดใหม่จะต้องผ่านที่ดินโจทก์ ศาลย่อมมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๗๓๘๒๒ เนื้อที่ ๑ ไร่๑๐ ตารางวา โจทก์พบว่าที่ดินดังกล่าวถูกจำเลยทำถนนผ่านกลางไปตัดกับทางรถไฟ กว้างประมาณ๑๐ เมตร ยาวตลอดที่ดินโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ โจทก์บอกกล่าวห้ามปรามไปยังคณะกรรมการของจำเลย จำเลยยอมรับว่าทำถนนผ่านที่ดินโจทก์โดยละเมิด ขอเจรจาซื้อที่ดิน หรือหากไม่ประสงค์ให้ถนนผ่าน จำเลยจะปิดถนนให้เป็นไปในสภาพเดิม แต่ตกลงกันไม่ได้ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายคือไม่สามารถทำประโยชน์ในที่ดินและไม่สามารถขายที่ดินแปลงดังกล่าวได้ ขอให้บังคับให้จำเลยปิดถนนและทำให้ที่ดินของโจทก์ให้กลับสู่สภาพเดิม หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้โจทก์เป็นผู้กระทำโดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย หากไม่อาจบังคับหรือปฏิบัติได้ให้จำเลยใช้เงิน๑,๒๓๐,๐๐๐ บาท ให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ ๒๐,๐๐๐ บาทนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะปฏิบัติตามคำขอดังกล่าว
จำเลยให้การว่า ไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ ถนนที่ผ่านที่ดินโจทก์บุคคลอื่นเป็นผู้สร้างและสร้างเสร็จก่อนโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินตามฟ้อง หลังจากสร้างเสร็จได้เปิดให้ประชาชนใช้สัญจรเป็นทางสาธารณะตลอดมา และได้อุทิศถนนดังกล่าวให้แก่กรุงเทพมหานครแล้วสภาพแห่งหนี้จึงไม่เปิดช่องให้ปิดถนนนี้ ถนนสร้างมาเกิน ๑๐ ปีแล้ว คดีโจทก์ขาดอายุความค่าเสียหายสูงเกินไป ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินจำนวน ๖๑๕,๐๐๐ บาท ให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตั้งแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
โจทก์ จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน ๘๒๐,๐๐๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยได้จัดทำโครงการสร้างสนามกอล์ฟและจัดสรรที่ดินขายให้แก่สมาชิกตามผังรูปที่ดินเอกสารหมาย จ.๔ โจทก์ได้ที่ดินพิพาท จดทะเบียนรับโอนเมื่อ ๒๓กุมภาพันธ์ ๒๕๑๔ โจทก์ไม่เคยไปดูที่ดิน และช่วงนั้นโจทก์ศึกษาอยู่ต่างประเทศ ตามผังการจัดที่ดินจำเลยจะต้องตัดถนนเป็นทางเข้าออกผ่านทางรถไฟโดยเฉียงกับทางรถไฟ แต่การรถไฟแห่งประเทศไทยไม่อนุญาต เพราะไม่ปลอดภัยในการเดินรถ จำเลยจึงตัดถนนใหม่ผ่านที่ดินของโจทก์ ฯลฯขณะที่ช่างรังวัดทำการรังวัดแบ่งแยกที่ดิน จำเลยยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงแนวเขตถนน ทำถนนตามแนวเดิมตามผังที่ดินเอกสารหมาย จ.๔ และจำเลยได้ขอตัดถนนผ่านทางรถไฟตามผังดังกล่าวแต่การรถไฟแห่งประเทศไทยไม่อนุญาต จำเลยจึงได้เปลี่ยนแนวถนนใหม่โดยจำเลยทำถนนตามแนวใหม่ผ่านที่ดินของโจทก์ภายหลังที่การรถไฟแห่งประเทศไทยอนุญาต และทำถนนในช่วงที่ตัดกับทางรถไฟแล้วเสร็จภายหลังออกโฉนดพิพาทและโอนให้แก่โจทก์ จำเลยตัดถนนใหม่ผ่านที่ดินของโจทก์ โดยโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอม จำเลยไม่มีสิทธิให้ประชาชนใช้สัญจรผ่านที่ดินของโจทก์ และยกถนนดังกล่าวให้แก่กรุงเทพมหานครได้ การที่จำเลยให้ประชาชนใช้สัญจรผ่านที่ดินของโจทก์โดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์
จำเลยฎีกาต่อไปว่า โจทก์ได้ทราบซึ่งการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๒๒ แต่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๒๖ เกิน ๑ ปีถนนพิพาทสร้างเสร็จและใช้สัญจรตั้งแต่ปี ๒๕๑๒ โจทก์ฟ้องคดีเกิน ๑๐ ปีแล้ว คดีขาดอายุความเห็นว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์โดยการตัดถนนผ่านเข้าไปในที่ดินของโจทก์ก็เพื่อประโยชน์ของจำเลยและสมาชิก และได้ใช้ถนนดังกล่าวเป็นทางสัญจรจนกระทั่งโจทก์ฟ้องคดีนี้ จึงเป็นการละเมิดที่ต่อเนื่องกันตลอดมา คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ฯลฯ แม้ถนนที่ตัดผ่านที่ดินของโจทก์จะมีเนื้อที่เพียง ๖๐.๓๔ ตารางวา และโจทก์ยังมีที่ดินเหลืออีกประมาณ ๓๕๐ ตารางวาก็ตาม แต่โจทก์และน้องชายโจทก์ก็เบิกความยืนยันว่าใช้ประโยชน์ไม่ได้ เพราะที่ดินที่เหลือไม่ใช่รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับผังการจัดที่ดินและแนวถนนที่ตัดผ่านที่ดินโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.๔แล้วเห็นได้ว่า ที่ดินโจทก์อยู่ติดกับถนนซอยอยู่แล้ว การที่จำเลยตัดถนนผ่านที่ดินของโจทก์ จึงไม่น่าจะทำให้ที่ดินโจทก์มีราคาสูงขึ้นอย่างใด เดิมที่ดินโจทก์เป็นที่ดินแปลงเดียวมีเนื้อที่ถึง ๑ ไร่เศษจำเลยตัดถนนผ่านที่ดินโจทก์ในลักษณะทะแยงมุม ทำให้ที่ดินโจทก์ถูกแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน แต่ละส่วนเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู ด้านหนึ่งเรียวเกือบจะเป็นรูปชายธง และเนื้อที่แต่ละส่วนคงเหลือเพียงร้อยตารางวาเศษเท่านั้น ย่อมเห็นได้ว่าที่ดินของโจทก์ได้รับความเสียหายเต็มทั้งแปลง เมื่อพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ที่จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์แล้ว เห็นได้ว่ามิใช่เป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อแต่เป็นการกระทำโดยจงใจ เพราะเมื่อมีการเปลี่ยนแนวถนนจากผังที่วางไว้ จำเลยย่อมรู้ดีว่าแนวถนนที่ตัดใหม่จะต้องผ่านที่ดินโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์คิดค่าเสียหายให้ตารางวาละ ๒,๐๐๐ บาท รวมค่าเสียหาย ๘๒๐,๐๐๐ บาท ศาลฎีกาเห็นว่าเหมาะสมแล้ว
พิพากษายืน.

Share