คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5425/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในระหว่างที่จำเลยที่ 1 ยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบ จำเลยที่ 1อาจโอนสิทธิในทรัพย์ที่เช่าซื้อให้แก่ผู้อื่นได้ แต่จำเลยที่ 1 ยังมีหน้าที่ต้องชำระราคาค่าเช่าซื้อให้แก่โจทก์อยู่หาพ้นความรับผิดไม่ เว้นแต่จะได้มีการแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 350 การที่บริษัทส. ให้จำเลยที่ 1 และจำเลยร่วมลงชื่อในแบบพิมพ์เปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญาเช่าซื้อ กับให้จำเลยร่วมลงชื่อในแบบพิมพ์คำร้องขอเช่าซื้อรถยนต์และสัญญาเช่าซื้อเท่านั้น ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้ทำสัญญาเช่าซื้อกับจำเลยร่วม สัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1ยังไม่ระงับและมีผลผูกพันจำเลยที่ 1
จำเลยร่วมมิได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยร่วม อำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยร่วมมิได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเป็นคุณแก่จำเลยร่วมได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๒๔ จำเลยที่ ๑ ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์กระบะจากโจทก์ในราคา ๑๓๑,๘๔๐ บาท มีจำเลยที่ ๒เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ ๑ ผิดสัญญาเช่าซื้อโดยจำเลยที่ ๑ ได้นำหรืออนุญาตให้ผู้อื่นใช้รถยนต์ดังกล่าวชนไม้หวงห้ามโดยมิได้รับอนุญาตและชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์ไม่ครบ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบรถยนต์ตามฟ้องคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อย หากไม่สามารถคืนได้ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ราคารถยนต์เป็นเงิน ๘๕,๒๐๕ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ ได้โอนการเช่าซื้อรถยนต์ดังกล่าวโดยทำหนังสือกับพลตำรวจชาญณรงค์ สิทธิสม ผู้รับโอนไปโดยตัวแทนโจทก์ได้รับรู้และยินยอมและมอบรถยนต์ดังกล่าวให้ผู้รับโอนไปด้วย จำเลยที่ ๑ จึงหลุดพ้นจากการเป็นลูกหนี้โจทก์จำเลยที่ ๑ ไม่เคยนำหรืออนุญาตให้ใช้รถยนต์ดังกล่าวในการกระทำผิดและเหตุเกิดระหว่างผู้รับโอนครอบครองรถยนต์ดังกล่าว และจำเลยที่ ๑ไม่ได้ผิดนัดชำระหนี้แก่โจทก์และมิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา และไม่มีหน้าที่จะต้องส่งมอบรถยนต์คืนแก่โจทก์หรือชดใช้ราคา ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ ๑ ยื่นคำแถลงขอให้ศาลชั้นต้นหมายเรียกพลตำรวจชาญณรงค์ สิทธิสม เข้าเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยร่วมให้การว่า เมื่อจำเลยร่วมรับโอนรถยนต์ดังกล่าวจากจำเลยที่ ๑ โดยตัวแทนโจทก์ยินยอมแล้ว จำเลยร่วมได้ขายรถยนต์ดังกล่าวให้แก่นายมานพ สรรพช่าง ไปตั้งแต่วันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๒๕หลังจากนั้นนายมานพนำรถยนต์ดังกล่าวไปชนไม้หวงห้าม เจ้าพนักงานตำรวจได้ยึดรถยนต์ดังกล่าว จำเลยร่วมไม่ต้องรับผิด หากจำเลยร่วมจะต้องรับผิดต่อโจทก์ก็เพียงผ่อนชำระเดือนละ ๓,๔๔๐ บาท มิใช่ชำระทั้งหมดหรือคืนรถและค่าเสียหาย ขอให้พิพากษาให้จำเลยร่วมผ่อนชำระเป็นรายเดือน เดือนละ ๓,๔๔๐ บาท
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยร่วมส่งมอบรถพิพาทคืนแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย ถ้าส่งไม่ได้ให้ใช้ราคา ๘๕,๒๐๕ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ร่วมกันส่งมอบรถพิพาทคืนแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย หากคืนไม่ได้ให้ร่วมกันใช้ราคา ๘๕,๒๐๕ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์ประกอบกิจการค้ารถยนต์ทุกประเภท ในการดำเนินกิจการดังกล่าวโจทก์มอบอำนาจให้บริษัทธุรกิจยานยนต์และแทรกเตอร์ จำกัดดำเนินการแทน จำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถพิพาทไปจากโจทก์มีจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกัน สัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันดังกล่าวตลอดทั้งการชำระค่าเช่าซื้อกระผ่านบริษัทสุทธการ จำกัดจำเลยที่ ๑ ได้ชำระค่าเช่าซื้อให้แก่โจทก์ ๑๑ งวด เป็นเงิน๓๗,๘๔๐ บาท และชำระเงินจำนวน ๗๙๕ บาท ในงวดที่ ๑๒ ให้แก่โจทก์ด้วย ค่างวดเมื่อเดือนมกราคม ๒๕๒๕ จำเลยที่ ๑ และจำเลยร่วมได้แสดงความจำนงต่อบริษัทสุทธการ จำกัด ว่าจำเลยร่วมจะเป็นผู้เช่าซื้อรถพิพาทต่อจากจำเลยที่ ๑ บริษัทสุทธการ จำกัด ให้จำเลยที่ ๑ และจำเลยร่วมลงชื่อในแบบพิมพ์รายการเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญาเช่าซื้อของโจทก์ ให้จำเลยร่วมลงชื่อในแบบพิมพ์คำร้องขอเช่าซื้อรถยนต์และสัญญาเช่าซื้อของโจทก์ตามเอกสารหมาย ล.๑ มอบให้บริษัทสุทธการ จำกัด ไว้
ที่จำเลยที่ ๑ ฎีกาว่า สัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ระงับไปเพราะเหตุจำเลยที่ ๑ ได้โอนสิทธิการเช่าซื้อรถพิพาทให้แก่จำเลยร่วมแล้วนั้น เห็นว่าสัญญาเช่าซื้อเป็นสัญญาต่างตอบแทน ในระหว่างที่จำเลยที่ ๑ ยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบ ทรัพย์ที่เช่าซื้อตามสัญญายังเป็นของโจทก์ จำเลยที่ ๑ ไม่มีสิทธิใด ๆ ที่จะเรียกร้องให้โจทก์โอนทรัพย์ที่เช่าซื้อตามสัญญาได้ จำเลยที่ ๑ อาจโอนสิทธิในทรัพย์ที่เช่าซื้อให้แก่ผู้อื่นก็กระทำได้ แต่จำเลยที่ ๑ ยังมีหน้าที่ต้องชำระราคาค่าเช่าซื้อให้แก่โจทก์อยู่ หาพ้นความรับผิดไม่เว้นแต่จะได้มีการแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๕๐ คดีนี้ได้ความว่าบริษัทสุทธการ จำกัด ให้จำเลยที่ ๑ และจำเลยร่วมลงชื่อในแบบพิมพ์เปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญาเช่าซื้อและให้จำเลยร่วมลงชื่อในแบบพิมพ์คำร้องขอเช่าซื้อรถยนต์และสัญญาเช่าซื้อตามเอกสารหมาย ล.๑เท่านั้น กรณีถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้ทำสัญญาเช่าซื้อกับจำเลยร่วมสัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ ยังไม่ระงับและมีผลผูกพันจำเลยที่ ๑ อยู่ ฎีกาของจำเลยที่ ๑ ฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยร่วม ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมานั้น ไม่ชอบ เพราะจำเลยร่วมมิได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยร่วม อำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยร่วมมิได้อุทธรณ์ฎีกาศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่จำเลยร่วมได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยร่วม นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share