คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 496/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เมื่อแพทย์ผู้รักษาอาการของจำเลยแถลงว่าจำเลยสามารถต่อสู้คดีได้แล้ว จึงให้ยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไป โดยโจทก์มิได้ร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไปนั้น เป็นอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 35 ซึ่งบัญญัติให้อำนาจศาลที่จะกำหนดนั่งพิจารณาคดีที่ยื่นไว้ต่อศาลในวันที่ศาลเปิดทำการและเวลาทำงานได้และตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ให้อำนาจศาลนำบทบัญญัติดังกล่าวมาใช้บังคับได้ คำสั่งดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย ความเห็นของแพทย์ทั้งหลายที่ตรวจอาการของจำเลยว่าจำเลยมีอาการทางจิตนั้น ต่างเป็นความเห็นของแพทย์ผู้ตรวจอาการ จำเลยระหว่างพิจารณาคดีนี้ทั้งสิ้น ไม่ปรากฏความเห็นของแพทย์ที่ตรวจอาการของจำเลยมาก่อนเกิดเหตุคดีนี้หรือระหว่างเกิดเหตุคดีนี้ ทั้งไม่ปรากฏประวัติการเป็นโรคจิตของจำเลยมาก่อน ความเห็นของแพทย์ดังกล่าวไม่สามารถรับฟังเป็นยุติได้ว่า ขณะกระทำความผิดจำเลยเป็นบุคคลวิกลจริตไม่รู้ผิดชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15, 65, 66 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80, 83, 91 และริบของกลาง
จำเลยไม่ยอมให้การถือว่าให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง, 66 วรรคสอง,65 วรรคสอง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 66 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90ให้ระวางโทษประหารชีวิตคำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(1) คงจำคุกตลอดชีวิต ริบเฮโรอีนและเครื่องปรับอากาศ 5 เครื่องของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องส่วนปัญหาที่จำเลยฎีกาว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นให้งดการพิจารณาคดีไว้ก่อน และส่งตัวจำเลยไปรักษาที่โรงพยาบาลนิติจิตเวชจนกว่าอาการจะดีขึ้น ให้แพทย์ผู้ตรวจรายงานการตรวจให้ศาลทราบทุกระยะ6 เดือน เนื่องจากยังไม่ทราบว่าอาการป่วยของจำเลยจะสามารถต่อสู้คดีได้เมื่อใด จึงให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความชั่วคราวเมื่อจำเลยสามารถต่อสู้คดีได้แล้วให้โจทก์ร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไป ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เมื่อแพทย์ผู้รักษาอาการของจำเลยแถลงว่าจำเลยสามารถต่อสู้คดีได้แล้ว จึงให้ยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไป โดยที่โจทก์มิได้ร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไปตามคำสั่งศาลชั้นต้นเป็นการไม่ชอบนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 35 บัญญัติให้อำนาจศาลที่จะกำหนดนั่งพิจารณาคดีที่อื่นไว้ต่อศาลในวันที่ศาลเปิดทำการและเวลาทำงานได้ ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ให้อำนาจศาลนำบทบัญญัติดังกล่าวมาใช้บังคับได้คำสั่งยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไป ของศาลชั้นต้น จึงชอบด้วยบทกฎหมายดังกล่าวแล้ว ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนปัญหาที่ฎีกาว่าขณะกระทำความผิดจำเลยวิกลจริต ไม่รู้สึกผิดชอบจำเลยไม่รับโทษนั้นวินิจฉัยว่า ตามความเห็นของแพทย์ต่าง ๆ ผู้ตรวจอาการของจำเลยไม่ว่าจะเป็นความเห็นของนายแพทย์ธำรง ทัศนาญชลีนายแพทย์เทรดเชอรี่ แพทย์หญิงพวงเพชร สุทธิมูลนาน ฯลฯที่มีความเห็นว่าจำเลยมีอาการทางจิตนั้น ต่างเป็นความเห็นของแพทย์ผู้ตรวจอาการจำเลยระหว่างพิจารณาคดีนี้ทั้งสิ้นไม่ปรากฏความเห็นของแพทย์ที่ตรวจอาการของจำเลยมาก่อนเกิดเหตุคดีนี้ หรือระหว่างเกิดเหตุนี้ ทั้งไม่ปรากฏประวัติการเป็นโรคจิตของจำเลยมาก่อน ความเห็นของแพทย์ดังกล่าวไม่สามารถรับฟังเป็นยุติได้ว่า ขณะกระทำความผิดจำเลยเป็นบุคคลวิกลจริตไม่รู้สึกผิดชอบดังที่จำเลยยกขึ้นต่อสู้ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้นอีกเช่นกัน
พิพากษายืน

Share