คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 496/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ผู้สนับสนุนผู้กระทำความผิดจะต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 100 นั้น จะต้องมีการกระทำผิดเกี่ยวกับการผลิต จำหน่าย นำเข้าหรือส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวเกิดขึ้นก่อน ไม่ว่าจะเป็นในขั้นพยายามหรือความผิดสำเร็จโดยมีหลักเดียวกับหลักทั่วไปของการสนับสนุนผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ดังนั้น เมื่อปรากฏว่ากัญชาที่จะส่งออกนอกราชอาณาจักรอยู่ในขั้นเตรียมการ ยังไม่ถึงขั้นพยายามกระทำความผิด แม้จำเลยจะได้ช่วยเหลือในการที่จะส่งกัญชาออกนอกราชอาณาจักร ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดฐานสนับสนุนให้มีการส่งกัญชาออกนอกราชอาณาจักรส่วนการแกล้งละเลยทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นการกระทำความผิดก็มิได้หมายความว่าเป็นการสนับสนุนทางอ้อมเสมอไป เพราะการละเว้นไม่ขัดขวางในเมื่อไม่มีหน้าที่ขัดขวางไม่ถือเป็นการกระทำโดยงดเว้นตามประมวลกฎหมายอาญา

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ในสำนวนแรกและจำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 ในสำนวนหลังตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 26, 75, 76, 100, 102, 103 ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2522) ข้อ 4(1) ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80, 83, 91 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 2 กับให้ริบของกลางทั้งหมด และนับโทษจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ต่อจากโทษในสำนวนคดีแรก

จำเลยทุกคนทั้งสองสำนวนให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 7 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 75, 76 วรรคสองประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานผลิตยาเสพติดให้โทษประเภท 5 จำคุก 15 ปี ฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท 5ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายรวมสองกรรมลงโทษจำคุกกระทงละ 15 ปี เป็น 30 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 45 ปี ลงโทษจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 5 ที่ 7 ฐานผลิตยาเสพติดให้โทษประเภท 5 จำคุกคนละ 15 ปี ฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกคนละ 15 ปี รวมเป็นจำคุกคนละ 30 ปี จำเลยที่ 8 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 75 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80ให้จำคุกไว้ 10 ปี จำเลยที่ 3 ที่ 8 รับสารภาพในชั้นสอบสวน ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 3 ไว้ 20 ปี และจำคุกจำเลยที่ 8 ไว้ 6 ปี8 เดือน ของกลางทั้งหมดให้ริบ ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 4 และที่ 6

โจทก์ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์ขอให้วางโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ที่ 7 ที่ 8เป็นสามเท่าตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 100

จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 5 ทั้งสองสำนวนกับจำเลยที่ 7 และที่ 8 อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายสองกรรม จำคุกกรรมละ 15 ปี รวมจำคุก30 ปี จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานเป็นข้าราชการสนับสนุนให้มีการส่งออกนอกราชอาณาจักรซึ่งกัญชา จำคุก 30 ปี จำเลยที่ 5 มีความผิดฐานร่วมกันผลิตกัญชา จำคุก 15 ปี ฐานมีกัญชาไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 15 ปีรวมจำคุก 30 ปี จำเลยที่ 7 มีความผิดฐานเป็นข้าราชการร่วมกันผลิตกัญชาจำคุก 45 ปี มีกัญชาไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและสนับสนุนให้มีการส่งออกนอกราชอาณาจักรซึ่งกัญชา จำคุก 45 ปี รวมจำคุก 90 ปี จำเลยที่ 8มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานหน่วยงานของรัฐสนับสนุนให้มีการส่งออกนอกราชอาณาจักรซึ่งกัญชา จำคุก 30 ปี จำเลยที่ 8 ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 20 ปียกฟ้องจำเลยที่ 3 และจำเลยอื่น ๆ ในข้อหาที่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยว่ากระทำผิด นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ทั้งสองสำนวนฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานร่วมกันผลิตกัญชาอีกรรมหนึ่ง และลงโทษจำเลยที่ 3 ฐานร่วมกันผลิตกัญชาไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย

จำเลยที่ 3 ทั้งสองสำนวนฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่วินิจฉัยอ้างว่าจำเลยที่ 3 ติดต่อเกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 8

จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 5 ทั้งสองสำนวนกับจำเลยที่ 7 ที่ 8 ฎีกา ขอให้ยกฟ้อง

ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 100 บัญญัติว่า “กรรมการและพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ หรือข้าราชการหรือพนักงานองค์การและหน่วยงานของรัฐผู้ใดผลิต จำหน่าย นำเข้าหรือส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษอันเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือร่วมมือสนับสนุนในการกระทำดังกล่าวไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ต้องระวางโทษเป็นสามเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น” การสนับสนุนผู้กระทำผิดที่จะได้รับโทษตามบทกฎหมายมาตรานี้จะต้องมีการกระทำผิดเกี่ยวกับการผลิต จำหน่าย นำเข้าหรือส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติที่ว่านี้เกิดขึ้นทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นในขั้นพยายามหรือความผิดสำเร็จ ถ้ายังไม่มีการกระทำความผิดถึงขั้นที่กล่าวมานั้น การสนับสนุนก็ยังไม่มีโทษเช่นเดียวกับหลักทั่วไปของการสนับสนุนผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา โดยจะเห็นได้จากข้อความในบทมาตรานี้ที่ว่า “หรือร่วมมือสนับสนุนในการกระทำดังกล่าวไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม” การร่วมมือสนับสนุนการกระทำดังกล่าวก็คือการร่วมมือสนับสนุนในการผลิต จำหน่าย นำเข้าหรือส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัตินี้นั่นเอง การแกล้งละเลยทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นการกระทำผิดก็มิได้หมายความว่าเป็นการสนับสนุนทางอ้อมเสมอไปเพราะการละเว้นไม่ขัดขวางหรือยอมให้กระทำโดยไม่ขัดขวางในเมื่อตนไม่มีหน้าที่ขัดขวาง ไม่ถือเป็นการกระทำโดยงดเว้นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 59 วรรคท้าย ไม่เป็นการร่วมหรือสนับสนุนการกระทำความผิด เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า กัญชาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ที่บ้านพักของจำเลยที่ 7 เป็นกัญชาที่ขนมาเตรียมไว้เพื่อจะส่งออกนอกราชอาณาจักรโดยทางเครื่องบิน การส่งออกซึ่งกัญชานั้นอยู่ในขั้นตระเตรียมการยังไม่ถึงขั้นพยายามกระทำความผิด แม้จำเลยที่ 2 ที่ 7 ที่ 8 จะได้ช่วยเหลือในการที่จะส่งออกนอกราชอาณาจักรซึ่งกัญชารายนี้ การกระทำของจำเลยที่ 2 ที่ 7 ที่ 8 ยังไม่เป็นความผิดฐานสนับสนุนให้มีการส่งออกนอกราชอาณาจักรซึ่งกัญชาตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 100สำหรับความผิดของจำเลยที่ 7 ในข้อหาฐานร่วมกันมีกัญชาไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย ไม่เข้าเกณฑ์ที่จะได้รับโทษหนักขึ้นตามบัญญัติดังกล่าว เพราะมิใช่เป็นการจำหน่าย

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 7 ไม่มีความผิดฐานสนับสนุนให้มีการส่งกัญชาออกนอกราชอาณาจักร จำคุกจำเลยที่ 7 ในความผิดฐานเป็นข้าราชการร่วมกันผลิตกัญชา 45 ปี ฐานมีกัญชาไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย 15 ปีรวมจำคุก 60 ปี ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 8 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share