คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 144/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยที่ 1 ได้กู้ยืมเงินโจทก์และทำหนังสือสัญญากู้เงินไว้ แม้ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยที่ 1กู้ยืมเงินไปสี่ห้าครั้งก่อนแล้วจึงได้ทำสัญญากู้เงินตามเอกสารหมาย ล.1 ก็ไม่เป็นพิรุธหรือข้อแตกต่างอันจะทำให้สัญญากู้เงินเสียไป เพราะข้อสาระสำคัญอยู่ที่ว่าจำเลยที่ 1 ได้กู้ยืมเงินและได้รับเงินจำนวนตามฟ้องจากโจทก์ไปแล้วก่อนทำสัญญากู้เงินหรือไม่ การที่จำเลยที่ 1 จะได้รับเงินจำนวนตามฟ้องจากโจทก์ในวันทำสัญญากู้เงินหรือก่อนวันทำสัญญาและรับเงินดังกล่าวครั้งเดียวหรือหลายครั้ง ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อแตกต่างกับฟ้องถึงรับฟังไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้กู้ยืมเงินไปจากโจทก์เป็นเงิน140,000 บาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี โดยมีจำเลยที่ 2เป็นผู้ค้ำประกันขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน172,621.91 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน 140,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่เคยกู้ยืมเงินและรับเงินตามฟ้องไปจากโจทก์ หนังสือสัญญากู้เงินและหนังสือสัญญาค้ำประกันที่โจทก์นำมาฟ้องทำขึ้นเพื่อเป็นการอำพรางสัญญาหุ้นส่วนในการทำกิจการไร่อ้อย แต่หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 ได้บอกเลิกการเป็นหุ้นส่วนกับโจทก์ สัญญากู้เงินและสัญญาค้ำประกันเป็นโมฆะ จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 172,621.91 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน 140,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 1,500 บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้องนั้น เห็นว่า แม้โจทก์จะตอบคำถามค้านทนายความจำเลยทั้งสองว่า จำเลยที่ 1 กู้ยืมเงินไปสี่ห้าครั้งก่อนแล้วจึงได้ทำสัญญากู้เงินตามเอกสารหมาย จ.1 ก็ไม่เป็นข้อพิรุธหรือข้อแตกต่างอันจะทำให้เอกสารหมาย จ.1 เสียไปเพราะข้อสาระสำคัญอยู่ที่ว่าจำเลยที่ 1 ได้กู้ยืมเงินและได้รับเงินจำนวนตามฟ้องจากโจทก์ไปแล้วก่อนที่จะทำสัญญากู้เงินหรือไม่ เมื่อตามคำเบิกความของโจทก์และพยานเอกสารของโจทก์ เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 1ได้กู้ยืมเงินตามฟ้องและได้รับเงินจากโจทก์ไปแล้วก่อนที่จะทำสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1 ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 จะได้รับเงินจำนวนตามฟ้องจากโจทก์ในวันทำสัญญากู้เงินหรือก่อนวันทำสัญญาและรับเงินดังกล่าวครั้งเดียวหรือหลายครั้ง ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อแตกต่างกับฟ้องถึงรับฟังไม่ได้ดังจำเลยทั้งสองฎีกาแต่อย่างใด
พิพากษายืน

Share