คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1918/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นหนี้ค่าสินค้าโจทก์ 45,400 บาท ต่อมาได้มีการตกลงกันที่สถานีตำรวจโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจบันทึกไว้ในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีว่าจำเลยยอมรับว่าเป็นหนี้โจทก์ 29,609 บาท และจะผ่อนชำระให้แก่โจทก์เดือนละ1,000 บาท ส่วนอีก 15,791 บาท จำเลยจะตกลงกันเองกับโจทก์ต่อไป บันทึกดังกล่าวไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความเพราะจำเลยยอมรับผิดเพียง 29,609บาทส่วนอีก 15,791 บาท จะได้ไปตกลงกันเองข้อพิพาทในเรื่องหนี้สินระหว่างโจทก์จำเลยจึงยังคงมีอยู่หาได้ระงับไปไม่ แต่เป็นเพียงหนังสือรับสภาพหนี้และข้อสัญญาของจำเลยฝ่ายเดียวที่จะผ่อนชำระหนี้สำหรับเงินจำนวน29,609 บาท ให้แก่โจทก์ เมื่อจำเลยผิดสัญญาโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ที่ค้างชำระทั้งหมดในคราวเดียวกันได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองซื้อสินค้าไปจากโจทก์หลายคราว เมื่อหักทอนบัญชีกันแล้ว จำเลยยังคงค้างชำระอยู่ 45,400 บาท ต่อมาจำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้และตกลงจะผ่อนชำระให้แก่โจทก์เป็นรายเดือนแต่แล้วก็ไม่ชำระ จึงขอให้พิพากษาบังคับ

จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 คงค้างชำระเพียง 29,609 บาท และได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยจำเลยที่ 1 จะผ่อนชำระเป็นรายเดือนเดือนละ 1,000 บาท จำเลยชำระไปแล้ว 2 งวด โจทก์จะฟ้องบังคับให้จำเลยที่ 1 ชำระให้เสร็จในคราวเดียวไม่ได้ ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับโจทก์

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 28,609 บาทแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ว่าจำเลยมีสิทธิที่จะผ่อนชำระหนี้ให้แก่โจทก์เดือนละ 1,000 บาทจนกว่าจะครบ 29,609 บาท ตามเอกสารหมาย จ.3 หรือไม่อยู่ที่การวินิจฉัยว่าเอกสารหมาย จ.3 เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความหรือเป็นหนังสือรับสภาพหนี้เห็นว่าลักษณะของสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นจะต้องเป็นสัญญาซึ่งคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายยอมระงับข้อพิพาทอันใดอันหนึ่งซึ่งมีอยู่หรือจะมีขึ้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กันบันทึกข้อตกลงตามเอกสารหมาย จ.3 หาได้มีลักษณะดังกล่าวแล้วไม่ ดังจะเห็นได้ว่าข้อความตามบันทึกนั้นจำเลยยอมรับผิดเฉพาะหนี้จำนวนเพียง 29,609 บาทเท่านั้นแต่สำหรับหนี้อีก 2 จำนวนรวมเป็นเงิน15,791 บาทนั้น จำเลยหาได้ยอมชำระไม่ปรากฏในบันทึกว่าสำหรับหนี้จำนวน15,791 บาทนั้น จำเลยจะไปทำความตกลงกันเองข้อพิพาทในเรื่องหนี้สินระหว่างโจทก์จำเลยจึงยังคงมีอยู่หาได้ระงับไปเพราะเอกสารหมาย จ.3 ไม่ ดังนั้นข้อตกลงตามเอกสารหมาย จ.3 จึงมิใช่สัญญาประนีประนอมยอมความบันทึกดังกล่าวเป็นแต่หนังสือรับสภาพหนี้และข้อสัญญาของจำเลยฝ่ายเดียวที่จะผ่อนชำระหนี้สำหรับเงินจำนวน 29,609 บาทให้แก่โจทก์เดือนละ 1,000 บาท โจทก์จึงมีสิทธิที่จะฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ที่ค้างชำระทั้งหมดในคราวเดียวกันได้

พิพากษายืน

Share