คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4879/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ลงลายมือชื่อในใบมอบอำนาจ โดยมิได้กรอกข้อความพร้อมทั้งมอบโฉนดที่ดินและเอกสารต่าง ๆ ที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนนิติกรรมให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ไป จำเลยที่ 1 ปลอมใบมอบอำนาจดังกล่าวว่าโจทก์มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 โอนขายที่ดินแก่จำเลยที่ 2 และนำไปจดทะเบียนซื้อขาย แล้วจำเลยที่ 2 นำไปจดทะเบียนจำนองต่อจำเลยที่ 3 เมื่อจำเลยที่ 3 รับจำนองโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน โจทก์จะอ้างเอาความประมาทเลินเล่อของตนมาเป็นข้ออ้างให้พ้นความรับผิดโดยการขอให้เพิกถอนการจำนองดังกล่าวไม่ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 นำใบมอบอำนาจปลอมไปทำการโอนขายที่ดินของโจทก์ให้แก่จำเลยที่ 2 โดยทุจริต นิติกรรมซื้อขายจึงเป็นโมฆะที่ดินดังกล่าวยังเป็นของโจทก์ จำเลยที่ 2 ไม่มีสิทธินำไปจำนองกับจำเลยที่ 3 การที่จำเลยที่ 3 จดทะเบียนรับจำนองไว้จากจำเลยที่ 2เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต โจทก์ไม่ต้องรับผิดตามสัญญาจำนองแล้วสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินแก้ทะเบียนหลังโฉนดให้โจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามเดิม
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 3 ให้การว่า ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามฟ้องเป็นของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 เป็นบุคคลภายนอกรับจดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาทไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน การที่โจทก์ลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจโดยไม่กรอกข้อความใด ๆ พร้อมส่งมอบบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และโฉนดที่ดินให้จำเลยที่ 1 และที่ 21 และที่ 2 ไปดำเนินการนั้น ย่อมเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของโจทก์เอง โจทก์จึงต้องผูกพันและรับผิดต่อจำเลยที่ 3 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 และเพิกถอนนิติกรรมจำนองระหว่างจำเลยที่ 2กับจำเลยที่ 3หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามก็ให้ถือเอาคำพิพากษานี้เป็นการแสดงเจตนาแทนจำเลยทั้งสาม
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่โจทก์ลงลายมือชื่อในใบมอบอำนาจโดยมิได้กรอกข้อความพร้อมทั้งมอบโฉนดที่ดินและเอกสารหลักฐานต่าง ๆที่จะต้องใช้ในการจดทะเบียนนิติกรรม ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2ไปเช่นนั้น นับว่าโจทก์เป็นผู้ประมาทเลินเล่อ การที่จำเลยที่ 1ปลอมใบมอบอำนาจ ว่าโจทก์มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 มีอำนาจขายที่ดินแปลงที่พิพาทให้จำเลยที่ 2 จนกระทั่งมีการจดทะเบียนซื้อขายและเปลี่ยนชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์จากโจทก์เป็นจำเลยที่ 2 แล้วจำเลยที่ 2นำไปจดทะเบียนจำนองเป็นประกันหนี้ต่อจำเลยที่ 3 นั้น เป็นผลสืบเนื่องมาจากการประมาทเลินเล่อของโจทก์ตามที่กล่าวข้างต้นโดยตรง จำเลยที่ 3 รับจำนองที่ดินพิพาทโดยมีหนี้กันอยู่จริงตามที่ปรากฏในสัญญาจำนอง โดยจำเลยที่ 3 ไม่ทราบเรื่องเกี่ยวกับการปลอมแปลงใบมอบอำนาจของจำเลยที่ 1 และที่ 2 และเป็นการรับจำนองโดยสุจริต เมื่อการจดทะเบียนจำนองของจำเลยที่ 3 มีค่าตอบแทนและสุจริตเช่นนี้ โจทก์จึงจะอ้างเอาความประมาทเลินเล่อของตนมาเป็นข้ออ้างให้พ้นความ รับผิดโดยการขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนจำนองดังกล่าวไม่ได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่เพิกถอนนิติกรรมจำนองซึ่งได้จดทะเบียนจำนองเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2527 โดยให้ยกคำขอของโจทก์ส่วนนี้นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share