คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4867/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำบรรยายฟ้องของจำเลยตามสำเนาคำฟ้องมีใจความว่าโจทก์ กับ ค. ร่วมกันฉ้อฉลและล่อลวงให้ พ. ไปทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองขณะที่ พ. ป่วยไม่สามารถแสดงเจตนาทำพินัยกรรมดังกล่าวได้ โดยเฉพาะพ.ไม่สามารถลงลายมือชื่อได้ข้อความในพินัยกรรมจึงน่าจะเกิดจากอุบายของโจทก์กับ ค. เป็นผู้เขียนขึ้นแล้วส่งให้เจ้าหน้าที่อำเภอเป็นผู้พิมพ์ แล้วจับมือ พ. ลงลายพิมพ์นิ้วมือในพินัยกรรมดังกล่าว ทั้งโจทก์ยังหลอกลวง พ. ไปที่สำนักงานที่ดินให้ทำนิติกรรมจดทะเบียนยกที่ดินให้โจทก์ อันเป็นการกระทำที่ไม่สุจริต โดยเฉพาะก่อนที่ พ.จะถึงแก่กรรม 18 วัน โจทก์หลอกลวง พ. ไปที่สำนักงานที่ดินแล้วพูดจาข่มขู่เจ้าพนักงานที่ดินเพื่อให้ทำนิติกรรมจดทะเบียนยกที่ดินของ พ. ให้แก่โจทก์ ตามที่จำเลยเชื่อว่าเป็นความจริง และไม่เชื่อว่า พ.ทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองและนิติกรรมจดทะเบียนยกที่ดินให้โจทก์ เพราะขณะที่ทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองและทำนิติกรรมจดทะเบียนยกที่ดินให้โจทก์ก็ดี พ.ป่วยไม่สามารถแสดงเจตนาทำพินัยกรรมและนิติกรรมดังกล่าวได้เมื่อกรณีไม่ใช่จำเลยรู้เห็นมาเองว่าข้อเท็จจริงเป็นดังคำบรรยายฟ้อง แม้โจทก์จะไม่ได้ใช้อุบายหลอกลวงพ.ไปทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองและจับมือพ.ลงลายพิมพ์นิ้วมือในพินัยกรรมดังกล่าว และโจทก์ไม่ได้หลอกลวง พ. ไปทำนิติกรรมจดทะเบียนยกที่ดินให้โจทก์ก็ตาม แต่คำบรรยายฟ้องของจำเลยเป็นการแสดงเพื่อให้เห็นสิทธิของจำเลยและการประพฤติปฏิบัติของโจทก์ที่จำเลยเชื่อว่าเป็นเช่นนั้น อันเป็นการโต้แย้งสิทธิของจำเลยตามกฎหมาย คำบรรยายฟ้องของจำเลยดังกล่าวหาทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงแต่อย่างใดไม่จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยประพฤติเนรคุณ ที่โจทก์เรียกถอนคืนการให้จากจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2529 โจทก์โอนที่ดินโฉนดเลขที่ 19937 พร้อมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินดังกล่าว ให้จำเลยโดยเสน่หาต่อมาวันที่ 5 สิงหาคม 2537 จำเลยได้ฟ้องโจทก์เป็นคดีแพ่ง โดยจำเลยได้บรรยายข้อความเท็จหลายประการทำให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ให้เสียชื่อเสียงและเป็นการหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรง อันเป็นการประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ และเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2537 จำเลยได้นำที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่โจทก์ยกให้ไปจำนองไว้แก่ธนาคาร ขอให้บังคับจำเลยโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 19937 พร้อมสิ่งปลูกสร้างคืนแก่โจทก์ หากจำเลยไม่โอนคืนให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยไถ่ถอนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวจากธนาคาร แล้วโอนให้โจทก์โดยปลอดภาระผูกพันใด ๆหากจำเลยไม่ไถ่ถอนให้โจทก์เป็นฝ่ายถอนโดยให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย และให้จำเลยใช้เงินค่าไถ่ถอนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดแก่โจทก์เท่าที่โจทก์ชำระให้แก่ธนาคาร
จำเลยให้การว่า จำเลยซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างตามฟ้องมาจากโจทก์ มิใช่โจทก์โอนให้โดยเสน่หา จำเลยได้บรรยายคำฟ้องในคดีแพ่งอย่างธรรมดา ไม่ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงและไม่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 19937 พร้อมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินให้จำเลยโดยเสน่หาต่อมาจำเลยได้ฟ้องโจทก์เป็นคดีแพ่งคือคดีหมายเลขดำที่ 966/2537 ของศาลจังหวัดสระบุรี
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า คำบรรยายฟ้องของจำเลยในคดีดังกล่าวทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง หรือเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงซึ่งถือว่าเป็นการประพฤติเนรคุณจนโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยหรือไม่เห็นว่า คำบรรยายฟ้องของจำเลยตามสำเนาคำฟ้องเอกสารหมาย จ.7 มีใจความว่าโจทก์ร่วมกับนางคอนกรีต พรยศไกร ฉ้อฉลและล่อลวงให้นางพวง เวกอรุณไปทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองสระบุรีขณะที่นางพวงป่วยไม่สามารถแสดงเจตนาทำพินัยกรรมดังกล่าวได้โดยเฉพาะนางพวงไม่สามารถลงลายมือชื่อได้ด้วย ฉะนั้นข้อความในพินัยกรรมน่าจะเกิดจากอุบายของโจทก์กับนางคอนกรีตเป็นผู้เขียนขึ้นแล้วส่งให้เจ้าหน้าที่อำเภอเมืองสระบุรีเป็นผู้พิมพ์ แล้วจับมือนางพวงลงลายพิมพ์นิ้วมือในพินัยกรรมดังกล่าวทั้งโจทก์ยังหลอกลวงนางพวงไปที่สำนักงานที่ดินจังหวัดสระบุรีให้ทำนิติกรรมจดทะเบียนยกที่ดินให้โจทก์ อันเป็นการกระทำที่ไม่สุจริตโดยไม่คำนึงถึงมนุษยธรรมและคุณธรรมแต่อย่างใดโดยเฉพาะเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2536 ก่อนที่นางพวงจะถึงแก่กรรม 18 วัน โจทก์หลอกลวงนางพวงไปที่สำนักงานที่ดินจังหวัดสระบุรี และพูดจาข่มขู่เจ้าพนักงานที่ดินเพื่อให้ทำนิติกรรมจดทะเบียนยกที่ดินของนางพวงให้แก่โจทก์จำเลยทราบเพราะมีคนบอกเล่าให้ฟัง ทั้งจำเลยทราบว่าโจทก์อุ้มนางพวงซึ่งอยู่ในสภาพที่ไม่รู้สึกตัวขึ้นรถปิกอัพไปที่สำนักงานที่ดินจังหวัดสระบุรี และโจทก์ติดต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสระบุรีลงมาที่รถปิกอัพเพื่อลงลายพิมพ์นิ้วมือนางพวงในหนังสือสำคัญต่าง ๆ การที่จำเลยบรรยายฟ้องดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเลยเชื่อว่าข้อเท็จจริงเป็นดังคำฟ้อง ไม่เชื่อว่านางพวงทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองและนิติกรรมจดทะเบียนยกที่ดินให้โจทก์ เพราะขณะที่ทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองก็ดี และทำนิติกรรมจดทะเบียนยกที่ดินให้โจทก์ก็ดีนางพวงป่วยไม่สามารถแสดงเจตนาทำพินัยกรรมและนิติกรรมดังกล่าวได้ ดังนี้ กรณีไม่ใช่จำเลยรู้เห็นมาเองว่าข้อเท็จจริงเป็นดังคำบรรยายฟ้องของจำเลยดังนั้น แม้โจทก์จะไม่ได้ใช้อุบายหลอกลวงนางพวงไปทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองและจับมือนางพวงลงลายพิมพ์นิ้วมือในพินัยกรรมดังกล่าวและโจทก์ไม่ได้หลอกลวงนางพวงไปทำนิติกรรมจดทะเบียนยกที่ดินให้โจทก์ดังโจทก์ฎีกาขึ้นมาก็ตาม แต่คำบรรยายฟ้องดังกล่าวก็เป็นข้อความที่จำเลยยื่นฟ้องโจทก์ต่อศาล เพื่อแสดงให้เห็นสิทธิของจำเลยและการประพฤติปฏิบัติของโจทก์ที่จำเลยเชื่อว่าเป็นเช่นนั้นอันเป็นการโต้แย้งสิทธิของจำเลยตามกฎหมายคำบรรยายฟ้องของจำเลยดังกล่าวหาทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงแต่อย่างใดไม่จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยประพฤติเนรคุณ โจทก์เรียกถอนคืนการให้จากจำเลยไม่ได้
พิพากษายืน

Share