แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
แม้จำเลยจะให้การต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง แต่ชั้นชี้สองสถานศาลชั้นต้นมิได้กะประเด็นทั้งสองข้อนี้ไว้และจำเลยมิได้โต้แย้ง ถือได้ว่าจำเลยได้สละประเด็นข้อนี้แล้วเท่ากับไม่ได้มีการว่ากล่าวทั้งสองประเด็นนี้ในศาลชั้นต้น และปัญหาเรื่องฟ้องเคลือบคลุมมิใช่ปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนส่วนปัญหาเรื่องอำนาจฟ้อง แม้จำเลยอาจยกปัญหาข้อนี้ขึ้นอุทธรณ์ฎีกาได้โดยถือว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ก็ไม่มีเหตุสมควรที่จะวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยทั้งสองประเด็น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 1224 ตำบลเขาทราย อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตรมาจากการขายทอดตลาดของศาล โจทก์แจ้งให้จำเลยซึ่งเคยเป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินแปลงนี้ออกจากที่ดินดังกล่าว แต่จำเลยเพิกเฉยเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอคิดค่าเสียหายเพียง20,000 บาท ขอให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินดังกล่าว ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 20,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 3,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะขนย้ายออกไปจากที่ดินของโจทก์ จำเลยให้การว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง บ้านเลขที่ตามที่โจทก์อ้างในฟ้องและส่งหมายนั้น จำเลยให้ผู้อื่นเช่าไปตั้งแต่ก่อนขายทอดตลาด จำเลยไม่ได้ครอบครองบ้านดังกล่าว ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 1224 ตำบลเขาทราย (ท้ายทุ่ง) อำเภอทับคล้อ (ตะพานหิน)จังหวัดพิจิตร กับให้จำเลยชำระเงินจำนวน 20,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ 3,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะขนย้ายออกไปจากที่ดินดังกล่าว จำเลยอุทธรณ์คำสั่งและคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ภาค 2พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 1224ตำบลเขาทราย อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร โดยโจทก์ซื้อมาจากการขายทอดตลาดทรัพย์ของศาลชั้นต้นในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่656/2529 ราคา 3,500,000 บาท เดิมที่ดินแปลงนี้เป็นของจำเลยเมื่อซื้อมาแล้ว จำเลยยังคงอยู่ในที่ดินแปลงดังกล่าว โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยและบริวารออกไป จำเลยได้รับหนังสือบอกกล่าวแล้วแต่จำเลยและบริวารไม่ยอมออก การกระทำของจำเลยจึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์เสียหายเดือนละ 3,000 บาท
คดีมีปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยสองประการคือ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ และโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่าจำเลยได้ยกปัญหาข้อกฎหมายทั้งสองประการขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การ แต่ในชั้นชี้สองสถานศาลชั้นต้นมิได้กะประเด็นทั้งสองข้อนี้ไว้และจำเลยมิได้โต้แย้ง ถือได้ว่าจำเลยได้สละประเด็นข้อนี้แล้วเท่ากับไม่ได้มีการว่ากล่าวทั้งสองประเด็นนี้ในศาลชั้นต้นปัญหาเรื่องฟ้องเคลือบคลุมมิใช่ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ส่วนปัญหาเรื่องอำนาจฟ้อง แม้จำเลยอาจยกปัญหาข้อนี้ขึ้นอุทธรณ์ฎีกาได้โดยถือว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่ไม่มีเหตุสมควรที่จะวินิจฉัยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวของจำเลย จึงไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษาให้ยกฎีกาของจำเลย ให้คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาทั้งหมดแก่จำเลย