แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
หนังสือสัญญาระบุว่า จำเลยทั้งสองตกลงจะขายอาคารพาณิชย์พร้อมที่ดินให้โจทก์ในราคาเงินดาวน์ 268,480 บาท โดยให้โจทก์ผ่อนชำระเงินดาวน์ รวม 5 งวด ชำระเงินดาวน์ ครบถ้วนแล้วจึงจะไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ไม่มีข้อความตอนใดระบุไว้เลยว่าเป็นเรื่องเจ้าของทรัพย์สินเอาทรัพย์สินออกให้เช่าและมีคำมั่นว่าจะให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้เช่า โดยเงื่อนไขที่ผู้เช่า ได้ใช้เงินเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้คราว จึงมิใช่เรื่องการเช่าซื้อ ดังที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 572 หนังสือสัญญาดังกล่าวจึงเป็น สัญญาจะซื้อจะขาย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2527 โจทก์ได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินโฉนดเลขที่ 131916 เนื้อที่ 15 ตารางวา พร้อมสิ่งปลูกสร้าง คืออาคารพาณิชย์เลขที่ 53/435 จากจำเลยทั้งสองในราคาเงินดาวน์ 268,480 บาท โดยแบ่งชำระเป็นงวด ๆ ครั้นหลังจากที่โจทก์ได้ชำระงวดแรกและก่อนจะถึงกำหนดชำระเงินงวดต่อไป จำเลยทั้งสองได้ขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไปให้บุคคลอื่นก่อนเป็นการผิดสัญญาต่อโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองคืนเงิน 60,000 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า ได้ทำสัญญากับโจทก์จริง แต่เจตนาของโจทก์และจำเลยทั้งสองประสงค์จะให้เป็นสัญญาเช่าซื้อ มิใช่สัญญาจะซื้อจะขาย โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ชำระเงินตามกำหนด จำเลยจึงบอกเลิกสัญญาและริบเงิน 60,000 บาท ทั้งโจทก์ก็แจ้งเลิกสัญญาและไม่ชำระค่างวดวันที่ 10 ตุลาคม 2527 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 60,000บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 6มีนาคม 2528 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2527 โจทก์ จำเลยทั้งสองได้ทำสัญญาเอกสารหมายจ.4 ต่อกัน ซึ่งในสัญญาดังกล่าวมีใจความสำคัญว่า ผู้จะขาย (จำเลยทั้งสอง) ตกลงจะขาย และผู้จะซื้อ (โจทก์) ตกลงจะซื้ออาคารพาณิชย์เลขที่ 53/435 ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรีพร้อมที่ดินเนื้อที่ 15 ตารางวา ในราคาเงินดาวน์ 268,480 บาท โดยแบ่งชำระเป็นงวด ๆ งวดแรกชำระในวันทำสัญญา 60,000 บาท งวดต่อไปชำระ วันที่ 10 กันยายน 2527 10 ตุลาคม 2527 10 พฤศจิกายน 2527งวดละ 60,000 บาท งวดสุดท้ายวันที่ 10 ธันวาคม 2527 จำนวน28,480 บาท นอกจากนี้ผู้จะซื้อจะต้องผ่อนชำระหนี้จำนองกับธนาคารอาคารสงเคราะห์อีกเดือนละ 6,160 บาท ผู้จะขายได้ส่งมอบที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้ผู้จะซื้อแล้วในวันทำสัญญา คงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่า สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาเช่าซื้อหรือไม่ พิเคราะห์แล้วหนังสือสัญญาดังกล่าวระบุชัดแจ้งว่า จำเลยทั้งสองตกลงจะขายอาคารพาณิชย์พร้อมที่ดินให้โจทก์ ในราคาเงินดาวน์ 268,480 บาท โดยให้โจทก์ผ่อนชำระเงินดาวน์รวม 5 งวดชำระเงินดาวน์ครบถ้วนแล้วจึงจะไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ไม่มีข้อความตอนใดระบุไว้เลยว่าเป็นเรื่องเจ้าของทรัพย์สินเอาทรัพย์สินออกให้เช่า และมีคำมั่นว่าจะให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้เช่า โดยเงื่อนไขที่ผู้เช่าได้ใช้เงินเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้คราว ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 572 ทั้งในกรณีที่ผิดนัดผิดสัญญาก็มิได้เป็นตามบทบัญญัติเรื่องเช่าซื้อใน มาตรา 574 สัญญาเอกสารหมาย จ.4 จึงเป็นสัญญาจะซื้อจะขาย เมื่อเป็นสัญญาจะซื้อจะขายแล้ว จึงไม่จำต้องวินิจฉัยอีกว่าโจทก์ผิดสัญญาเช่าซื้อหรือไม่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.